ผ่านมาแล้วเกือบ 15 ปี สำหรับคดีสะเทือนขวัญ ที่สังคมโจษขาน กรณีคนร้ายจ่อยิง ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือ ที่ใครๆ รู้จักในนาม "ดาบยิ้ม" เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เสียชีวิตภายในคลับทเวนตี้ ผับโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค เมื่อกลางดึกวันที่ 29 ต.ค.2544

ถึงแม้คดีความในกระบวนการยุติธรรมจะจบไปแล้ว แต่คนข้างหลังของ "ดาบยิ้ม" คือ ภรรยาและลูกชาย ยังคงดำเนินชีวิตต่อไป และในวันนี้ "ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์" จะพาผู้อ่านไปพบกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของดาบยิ้ม ซึ่งวันนี้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และกำลังเดินตามรอยเท้าบิดาที่ฝันว่าอยากจะเป็นตำรวจกองปราบปรามให้ได้

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้เดินทางมาพบลูกชายดาบยิ้ม คือ ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ รอดวิมุต รองสารวัตรกลุ่มงานพิเศษ​นิติเวชวิทยา ประจำโรงพยาบาลตำรวจ ในวัย 27 ปี เมื่อมาถึงตึกกองอำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ หรือ เบิร์ด ได้เข้ามาทักทาย พร้อมพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะพาทีมข่าวมาที่ห้องประชุมเพื่อเริ่มต้นสัมภาษณ์

ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ เล่าเรื่องราวในชีวิตปัจจุบันให้ฟังว่า ปัจจุบันได้บรรจุเป็นตำรวจในฐานะ นักวิทยาศาสตร์ หลังจาก เรียนจบสาขาวิทยาศาสตร์ ม.รังสิต หลังจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี ทางด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องสายตา ส่วนงานที่ทำตอนนี้ ทำหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ตรวจดวงตา โดยใช้เครื่องมือตรวจ เช่น การสแกนจอประสาทตา เมื่อได้ผลก็จะนำมาให้แพทย์วิเคราะห์ครั้ง ที่มาทำงานตรงนี้นับว่าตรงสายที่เรียนมา ถามว่าชอบมั้ยก็ชอบ

...

Q: ตอนเด็ก ๆ อยากเป็นตำรวจหรือเปล่า

ถามว่าอยากเป็นไหม ก็อยากเป็น โดยเริ่มต้นสอบเตรียมทหาร ตั้งแต่ ม.4 ตอนนั้นยังเป็นข่าวดังอยู่ พอไปสอบ 3 ครั้ง ก็ไม่ติด เพราะสอบทฤษฎีไม่ผ่าน ตอนนั้นเลยรู้สึกท้อมาก คิดว่าชีวิตนี้อาจจะไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว ต่อมาพบว่ามีให้เรียนสาขานี้ เป็นสาขาที่ไม่ค่อยมีใครเรียนจบ ทั้งที่มีตำแหน่งทุกโรงพยาบาล จึงเล็งเห็นว่าเราน่าจะเหมาะกับงานตรงนี้จึงตั้งใจเรียนและจบมาทางนี้

"ตอนเรียนจบใหม่ๆ ก็ยังหางานทำไม่ได้ แต่ยังโชคดี ที่ได้รับความกรุณาจาก ท่านผู้หญิงนราวดี ชัยเฉนียน ที่แนะนำให้มาสมัครตำแหน่งนี้ ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยหลังจากนั้น ก็ต้องไปฝึกอบรมในการเป็นตำรวจ 6 เดือน ทั้งนี้ ตอนที่มาทำงานใหม่ๆ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้บรรจุเลย เรียกว่า "หนทางมืดมิด" แต่ได้ท่าน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ท่านเมตตาผม เห็นผมขยันทำงาน ก็เลยเรียกเข้าบรรจุ"

Q : ทราบว่าทาง สตช. ได้มีโควตาสำหรับลูกหลานตำรวจที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วย ?

ในกรณีของคุณพ่อ ทาง สตช. ระบุว่า ไม่ได้เสียชีวิตในหน้าที่ โดยเขาระบุว่าองค์ประกอบโดยรวมไม่ครบ จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ โดยหลังจากจบปริญญาตรี ก็ได้มาสอบถามโควตาดังกล่าวกับกองปราบ กระทั่งทราบว่าไม่เข้าเกณฑ์ที่จะบรรจุทายาท

Q : หลังจากคุณพ่อเสียชีวิต ความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง

ช่วงนั้นไม่มีรายได้อะไรมาก เนื่องจากคุณพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว คุณตาเอง ก็เป็นอัมพาต ส่วนยายก็มีโรคเบาหวาน ไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนั้นเรียกได้ว่าลำบากพอสมควร ไม่มีรายได้เข้าบ้านเลย ยังดีที่ยายยังมีห้องแถวเล็กๆ อยู่ ได้เงินจากค่าเช่ามาใช้จ่ายบ้าง รวมกับเงินบำนาญตกทอดจากคุณพ่อ โดยผมและคุณแม่ ได้คนละ 5 พันบาทต่อเดือน เราก็เอามารวมกันเพื่อเอามาใช้จ่ายในบ้าน เมื่อจบปริญญาตรี เงินตรงนี้เขาก็ตัดไป ส่วนคุณแม่ก็ยังคงได้รับอยู่

Q : ตอนทำงานครั้งแรก ได้เงินเท่าไหร่

ตอนเข้ามาทำงานที่นี่ ตอนแรกก็เป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ได้เงินเดือน 9 พันบาท หน้าที่การทำงานก็เหมือนกับที่ปัจจุบัน จากนั้นก็ได้เข้ารับการบรรจุเป็นตำรวจเมื่อปี 2555

...

Q : อะไรในตัวของดาบยิ้ม ที่ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ

ผมว่าผมมาถึงวันนี้ได้เพราะคุณพ่อ ถ้าไม่มีพ่อผมคงไม่มาถึงจุดนี้ เช่น ผู้ใหญ่ที่เข้ามา โอกาสที่ได้รับ เชื่อว่าหากไม่มีพ่อก็คงไม่มีวันนี้ ไม่สามารถเรียนจบได้แบบนี้

Q : ตอนที่ได้รู้ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานทุนการศึกษา รู้สึกอย่างไรบ้าง

รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก เราเองเป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งพระองค์ก็ทรงช่วย โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ​ ทรงรับสั่งว่าเป็นห่วงลูกๆ ทุกคน ที่ได้รับเงินทุนการศึกษาทุกคนตั้งใจเรียน

Q : ความรู้สึกแรกที่ได้ใส่ชุดตำรวจ

ปลาบปลื้มใจ นึกถึงคุณพ่อ เกิดมาก็เห็นพ่อใส่ชุดตำรวจแล้ว เป็นความใฝ่ฝันสูงสุดในชีวิต พอได้ใส่ก็ปลื้มใจ แม่ก็ดีใจ ร้องไห้ แม่ก็บอกว่าผมว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เพราะใครนะ ก็เพราะพ่อ เขายอมเสียสละชีวิต ทุกอย่างในชีวิตก็เพื่อเรา เมื่อมาถึงจุดนี้ก็ควรทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำงานเพื่อประชาชน เป็นข้าราชการก็ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน"

...

Q : วางอนาคตไว้อย่างไรบ้าง ตอนนี้มีครอบครัวหรือยัง

ตอนนี้ยังโสดครับ ส่วนเรื่องอนาคต ตอนนี้ก็พยายามเรียนนิติศาสตร์ให้จบ จะได้มีโอกาสได้ย้ายสายงาน ตามวาระ ใจจริงผมอยากจะเข้าไปอยู่กองปราบ หน้าที่สุดท้ายของพ่ออยู่ที่กองปราบ ผมก็อยากจะเข้าไปทำหน้าที่ตรงนั้น ถือว่าเป็นความใฝ่ฝันสูงสุด ซึ่งปีหน้าก็จะจบ ที่ ม.เซาธ์อีสท์ บางกอก

Q : คุณพ่อได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นตำรวจไว้อย่างไรบ้าง

คุณพ่อบอกตลอดว่าคนเรามีทั้งดีและชั่ว หน้าที่ของตำรวจต้องช่วยคนดี ปรามปรามคนไม่ดี

Q : ปัจจุบัน ยังรู้สึกโกรธแค้นคนร้ายหรือไม่

ศาลท่านตัดสินไปแล้ว เราก็เคารพในการตัดสิน ถามว่ายังแค้นคนร้ายหรือไม่ คงไม่แค้นแล้ว ตอนนี้ก็พยายามประพฤติตัวให้ดี และไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่บางทีเมื่อคิดย้อนกลับไปเราก็รู้สึกเจ็บปวดบ้าง แต่ก็ไม่ได้จองเวรจองกรรมอะไร ทำหน้าที่ตำรวจรับใช้ประชาชน

Q : อยากฝากอะไรกับสังคมบ้าง

อยากให้สังคมสงบสุข ไม่อยากเห็นคดีฆาตกรรม ข่มขืน เห็นคดีต่างๆ เหล่านี้ก็รู้สึกแย่.

...


อ่านเพิ่มเติม

คุกมีไว้ขังคนจนจริงหรือ!?! ย้อนรอยคดีคนดังในตำนาน

ตอน 2 คดีคนดังในตำนาน ไร้เงา! หมอสุพัฒน์-เสี่ยโจ้ คดีดังที่ยังปิดไม่ลง

ตอน 3 คดีคนดังในตำนาน จับ 2 ไฮโซเสพยาสังคมจับตาผลลัพธ์คือ..!?