ตร. ทหาร และปกครองเมืองอุบลฯ สนธิกำลังเข้าตรวจสอบเต็นท์รถมือสอง 2 จุด กลางเมืองอุบลฯ เป็นการป้องกันการนำรถยนต์มาสวมทะเบียน เพื่อการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน พบรถต้องสงสัย 20 คัน ที่เจ้าของแจ้งหายไว้

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2558 พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ แสงจันทร์ ผกก.สภ.อุบลราชธานี พร้อมด้วย พ.อ.สมชาย เพชรประภัย หน.ฝ่ายการข่าว มทบ.22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี จนท.อาสาสมัครรักษาดินแดน และ จนท.ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองอุบลราชธานี กว่า 50 นาย เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 75/10-13 ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลฯ และร้านศักดิ์สิทธิ์การรถยนต์ เลขที่ 47 ถนนเลี่ยงเมือง ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลฯ เพื่อตรวจสอบดำเนินการรับซื้อของเก่า และการสวมทะเบียนรถไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย

จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ แบ่งออกเป็นทีมตรวจ 2 ชุด เข้าตรวจสอบพร้อมกันทั้ง 2 จุด จุดแรกเจ้าหน้าที่ทหารขอตรวจค้นบ้านเลขที่ 75/10-13 ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลฯ โดยมี นายทองมา สุขขัง อายุ 58 ปี ผู้ดูแล แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตรวจค้นโดยดี พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถแบ็กโฮ และรถไถนา กว่า 30 คัน จอดอยู่ภายในบ้าน

นายทองมา ผู้ดูแลเต็นท์รถ ให้การว่า รถทั้งหมดที่อยู่ในบ้าน เป็นรถที่ทางบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ตามยึดมาจากลูกค้าที่ไม่ผ่อนชำระ มีเอกสารถูกต้องทุกอย่าง เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารคู่มือและการตรวจยึดพบว่า รถดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย มีที่มาสามารถตรวจสอบได้ จึงได้ทำการถอนกำลัง

ส่วนจุดที่ 2 เป็นเต็นท์จำหน่ายรถมือสอง ชื่อศักดิ์สิทธิ์การรถยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 47 ถนนเลี่ยงเมือง ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลฯ ใกล้กับโรงเรียนฮั่วเฉียวกงฮักฯ โดยมี นายศักดิ์สิทธิ์ แก้วใส อายุ 36 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน พาเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบ พบรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ กว่า 50 คัน จอดอยู่ในร้าน

...


จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัย ที่ไม่มีเอกสารแสดงการครอบครอง หรือเจ้าของชัดเจน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบที่มา และการครอบครองรถทั้งหมด 20 คัน คาดว่าอาจจะเป็นรถที่มีการนำมาจำนำจอดไว้ และอาจจะมีรถบางคันเป็นรถที่ถูกแจ้งหายไว้ จึงตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบต่อไป

พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ เผยว่า ในการสนธิกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบเต็นท์รถและพื้นที่ต้องสงสัยในครั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการนำรถยนต์มาสวมทะเบียน เพื่อการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบใบอนุญาตค้าของเก่า รับจำนำ ตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งป้องกันการดัดแปลงรถไปกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ

พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ เผยต่อว่า ปัจจุบันมีการแจ้งความรถหายหลายคดี จากการสอบสวนเชิงลึกพบว่า เจ้าของรถเองได้นำรถไปจำนำและจอดไว้ตามสถานที่ต่างๆ แล้วไม่สามารถนำเงินไปไถ่รถคืนมาได้ จึงมาแจ้งความรถหาย ซึ่งเป็นการปิดบังข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐอย่างมาก จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบเต็นท์รถดังกล่าว ส่วนรถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดไว้ ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา หรือดำเนินคดีแต่อย่างใดกับเต็นท์รถดังกล่าว หากเจ้าของเต็นท์รถนำเอกสารที่ถูกต้องมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ ก็สามารถนำรถกลับคืนไปได้.