ยิงด.ต.เอาปืนกระชากสร้อยฆ่าทหารเกณฑ์
ตำรวจภาค 7 รวบโจรโหดตระเวนชิงทรัพย์ฆ่าเหยื่อทิ้งสุดอำมหิตไม่เว้นแม้แต่ดาบตำรวจสวมสร้อยทองหนัก 2 บาทนั่งอยู่กับชาวบ้านบุกเข้าไปยิงหัวดับสยอง 2 ศพ คาป้อมยาม ก่อนปลดปืนกล็อกคู่กายไปลบทะเบียนนำไปก่อเหตุอีกเพียบ ล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อน เจอพลทหารขี่รถ จยย.สวมสร้อยทองตรงใช้ปืนจี้ก่อนยิงขู่ กระสุนเกิดด้าน เลยถูกผู้เสียหายไล่ตามใช้มีดฟันนิ้วขาด แต่ยังลั่นไกสวนเสียชีวิต หลังก่อเหตุหนีไปรักษาบาดแผล ถูกชุดสืบสวนตามลากคอคาโรงพยาบาล สอบประวัติเคยติดคุกมาแล้ว หลังพ้นโทษยังไม่เข็ดออกมาก่อคดียาวเป็นหางว่าว
จับผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์ประวัติร้ายตระเวนก่อเหตุไม่เว้นแม้แต่ตำรวจบุกยิงตายคาป้อมยามก่อนฉกทองและปืนเอาไปล่าเหยื่ออีกเพียบรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 ก.พ.ที่ บก.ภ.จ.นครปฐม พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รอง ผบก.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.อุดม เปี่ยมศักดิ์ ผกก.สส.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รอง ผกก.สส.ภ. จ.นครปฐม พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล สว.สส.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม และ พ.ต.ท.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล สว.สส.สภ.เมือง นครปฐม ร่วมกันแถลงจับกุมนายเจษฎา รำพึงจิต อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/3 ซอยโรงเรียนบำรุง อ.เมือง นครปฐม ผู้ต้องหาชิงทรัพย์และยิงเจ้าทรัพย์เสียชีวิต
พร้อมของกลางปืนกล็อก .45 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 52 นัด ปลอกกระสุน 1 ปลอก สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท พระเลี่ยมทอง 1 องค์ รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ ไอ สีน้ำเงินขาว หมายเลขทะเบียน กมค 35 นครปฐม ที่ใช้ก่อเหตุ ตั้งข้อกล่าวหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบ– ครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรจำเป็นเร่งด่วนและโดยไม่ได้รับอนุญาต
...
พล.ต.ท.วีรพงษ์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา นายเจษฎา ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์พลทหาร อนุชา สังพุก อายุ 23 ปี สังกัดกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 หมู่ 4 ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม บนถนนซอยมานิตย์ หมู่ 2 ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม โดยชักปืนขู่ให้ถอดสร้อยคอ เมื่อได้สร้อยของกลางแล้วผู้ต้องหาลั่นไกขู่ แต่กระสุนด้านเลยขี่รถ จยย.หลบหนี พลทหารอนุชาขี่รถ จยย.ไล่ตามไปทันและใช้มีดฟันนายเจษฎาถูกนิ้วขาด เลยถูกคนร้ายยิงสวน ทำให้พลทหารอนุชา เสียชีวิต หลังเกิดเหตุคนร้ายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเทพากร เขตเทศบาลนครนครปฐม และถูกชุดสืบสวนติดตามจับกุมไว้ได้
สอบสวนเบื้องต้นนายเจษฎา ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ถูกวัยรุ่นจี้ชิงรถ จยย.และโดนฟันนิ้วขาด แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อตามคำให้การ ตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่า เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมาเคยถูกจับข้อหาชิง ทรัพย์ผู้อื่น นอกจากนี้ ยังเคยติดคุกคดีพยายามฆ่าในท้องที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เพิ่งพ้นโทษออกมา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.56 จากนั้นตำรวจนำตัวไปค้นบ้านพักใน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พบของกลางหมวกกันน็อก รองเท้าเปื้อนเลือด อาวุธปืนพร้อมกระสุนที่นำไปทิ้งบ่อน้ำ และสร้อยคอทองคำที่นำไปซุกซ่อนหน้าบ้านญาติ ก่อนขออนุมัติหมายศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.82/2558 ลงวันที่ 7 ก.พ. คุมตัวดำเนินคดี
พล.ต.ท.วีรพงษ์กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหายังให้การรับสารภาพอีกว่า เคยก่อเหตุมาแล้ว 7 ครั้ง คดีแรกวันที่ 3 มี.ค.57 ชิงทรัพย์หญิงสาว 2 คนบริเวณซอยอนามัยตรงข้ามหน้าวัดโคกพระเจดีย์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ของกลางสร้อยคอทองคําหนัก 2 สลึง พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ คดีที่สองวันที่ 15 มี.ค.57 จี้ชิงทรัพย์หญิงสาวหน้าโรงกรองน้ำ ต.คลองจินดา อ.นครชัยศรี ได้สร้อยคอทองคําหนัก 1 บาท คดีที่สามวันที่ 19 มี.ค.57 พยายามชิงทรัพย์และยิงนายสมพงษ์ กิมฮะ ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสบริเวณโรงเชือดไก่ตะนาวศรี ถนนเส้นทางศาลากลาง อ.เมืองนครปฐม คดีที่สี่วันที่ 19 มี.ค.57 ชิงทรัพย์ที่ห้องแถวบ้านคลองหลวง อ.นครชัยศรี ได้แหวนทองคําสลักนามสกุลหนัก 2 สลึง
คดีที่ห้าวันที่ 10 เม.ย.57 บุกชิงทรัพย์จ่อยิงศีรษะ ด.ต.มานะ สุขไกร หัวหน้าตู้ยามสะแกลาย สภ.เมืองนครปฐม และนายสมชาย เปล่งขำ อายุ 63 ปี เสียชีวิต 2 ศพคาป้อมยาม ก่อนกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทของ ด.ต.มานะ พร้อมปืนกล็อก .45 ติดมือไปด้วย จากนั้นนำสร้อยไปขายร้านทองใน ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ส่วนปืนใช้ตะไบลบเลขทะเบียนแล้วนํามาใช้ก่อเหตุ ต่อมาคดีที่หกเดือน พ.ค.57 ก่อเหตุลักทรัพย์ จยย.ที่ปากทางวัดไทร และคดีที่เจ็ดวันที่ 17 เม.ย.57 ชิงทรัพย์หน้าโรงงานโอตานิ อ.นครชัยศรี โดยใช้ปืนกล็อกของ ด.ต.มานะ ยิงนางมณฑาทิพย์ อยู่ในวงษ์ อายุ 18 ปี บาดเจ็บสาหัส แล้วชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทไปขายที่ห้างทองบิ๊กซีฯนครปฐม ก่อนนำปืนกระบอกดังกล่าวไปชิงทรัพย์และยิงพลทหารอนุชา เสียชีวิตและถูกตำรวจตามจับกุมได้ในที่สุด
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม พร้อมกำลังตำรวจกว่า 50 นาย คุมตัวนายเจษฎา รำพึงจิต ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีฆ่าชิงทองพลทหารอนุชา สังพุก ในซอยมานิตย์ หมู่ 2 ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม ระหว่างทำแผนฯเจ้าหน้าที่นำเสื้อเกราะกันกระสุนมาให้ผู้ต้องหาใส่ และจัดวางกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา เนื่องจากมีชาวบ้านทราบข่าวพากันมาดูโฉมหน้าผู้ต้องหาประวัติร้ายรายนี้เป็นจำนวนมากและเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์ โดยใช้เวลาทำแผนแค่ 15 นาที ก่อนนำตัวขึ้นรถโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ