“บิ๊กเสือ” พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ เปิดบ้านพัก ย่านรามอินทรา โชว์สุขภาพยังดี พูดคุยเป็นกันเอง ยันไม่ได้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์หรือป่วยหนัก เตรียมไปร่วมประชุมทำเนียบองคมนตรีตามปกติ พร้อมมอบอำนาจให้ “สารวัตรแรมโบ้” จัดการฟ้องแพ่งลูกชาย โดยศาลนัดเจรจากัน 17 ก.พ.นี้ ซึ่งสารวัตรคนดังระบุหากมาดีๆ ไม่มีกองกำลังมาข่มขู่คุกคาม อาจไม่มีการฟ้องร้องกัน
จากกรณี นายพิเชฏฐ์ กุลละวณิชย์ วัย 55 ปี บุตรชาย พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี และอดีตรอง ผบ.สส. ร้องเรียนสื่อว่าถูกกีดกันไม่ให้พบหน้าบิดา ที่มีปัญหาสุขภาพอย่างมาก และสงสัยว่าบิดาอาจถูกลักพาตัว แต่ต่อมาคนใกล้ชิด พล.อ.พิจิตร ออกมายืนยันว่า พล.อ.พิจิตรไม่ได้หายตัวไปไหน และปรากฏตัวกับสื่อมวลชน ที่ จ.ชลบุรี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า พล.อ.พิจิตรเตรียมแถลงข่าวที่บ้านพักส่วนตัว จึงเดินทาง ไปยังบ้านเลขที่ 91/381 หมู่บ้านปฐวิกรณ์ 2 ซอยรามอินทรา 44 ถนนรามอินทรา แขวงและเขตบึงกุ่ม แต่ผู้ดูแลบ้านไม่ให้สื่อทำข่าวว่าวันนี้ไม่มีการนัดแถลงแต่อย่างใด ก่อนที่ พ.ต.อ.สุรโชคมพล วิเศรษฐฐิติพันธ์ ผกก.สืบสวนสอบสวน จ.อำนาจเจริญ หรือ สารวัตรแรมโบ้ อดีตตำรวจประจำตัว พล.อ.พิจิตร จะเข้ามาชี้แจงว่าเชิญสื่อมาในครั้งนี้เพื่อให้บันทึกภาพว่าท่านองคมนตรียังมีสุขภาพแข็งแรง แต่ขอความร่วมมือให้ถามเรื่องทั่วไป ส่วนเรื่อง นายพิเชฏฐ์ กุลละวณิชย์ ลูกชายของท่าน ให้มาถามตนแทน เพราะเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องนายพิเชฏฐ์
จากนั้นเวลา 12.45 น. พล.อ.พิจิตรพร้อมด้วย พ.อ.หญิง คุณหญิงวิมล กุลละวณิชย์ ภรรยาเดินทางมาถึงบ้านพัก โดย พล.อ.พิจิตรลงจากรถมาในชุดผ้าไหมสีแดง มีสีหน้าแจ่มใส แม้จะเดินไม่สะดวกต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันและมีคนช่วยประคองระหว่างพาไปนั่งพักที่เก้าอี้ แต่ก็ตอบคำถามได้เป็นอย่างดี โดยพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง และยังตั้งการ์ดมวย เพื่อยืนยันว่ามีสุขภาพแข็งแรงไม่ได้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์อย่างที่ถูกตั้งข้อสังเกต พร้อมระบุว่า ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ จะเดินทางร่วมประชุมทำเนียบองคมนตรีตามปกติ ทั้งนี้ ในระหว่างการเปิดบ้านพักให้สื่อบันทึกภาพทำข่าวนั้น ปรากฏว่ามีนายตำรวจและบุคคลต่างๆเดินทางเข้าเยี่ยมคาราวะ พล.อ.พิจิตรอย่างต่อเนื่อง อาทิ พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม ฯลฯ
...
ด้าน พ.ต.อ.สุรโชคมพลเปิดเผยว่า ได้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.พิจิตร ให้ดำเนินการฟ้องคดีทางแพ่งกับนายพิเชฏฐ์ เพื่อไม่ให้ได้เข้าใกล้องคมนตรี ทั้งที่บ้าน ทำเนียบองคมนตรี โรงพยาบาล รวมถึงสถานที่ที่องคมนตรีเดินทางร่วมงาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายพิเชษฐ์บุกเข้ามาภายในบ้านที่รามอินทรา พร้อมกับตำรวจและทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายครั้ง มีการใช้กำลังและวาจาไม่สุภาพ จึงต้องนำตัวองคมนตรีย้ายไปพักผ่อนที่พัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่เดือน ธ.ค.57 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่การลักพาตัว
อย่างที่มีการออกมาระบุ ทั้งนี้ ในวันที่ 17 ก.พ.ซึ่งศาลแพ่งได้นัดคู่กรณีเข้าพูดคุย จึงขอให้มาเจรจากันด้วยดี หากจะมีการเข้าพบก็สามารถทำได้แต่ต้องมาคนเดียว และไม่มีกำลังตำรวจและทหาร เพราะถือเป็นการคุกคาม ถ้าสามารถทำได้ตามนี้ก็จะไม่มีการฟ้องร้องกัน ส่วนเรื่องเงินที่หายไปจากบัญชีจำนวน 12 ล้านบาทที่นายพิเชฏฐ์ออกมาระบุนั้น ถ้ามีหลักฐานก็ขอให้เปิดเผยมาตนจะช่วยดำเนินคดีด้วย แต่อย่ามากล่าวให้ใครเสียหาย นอกจากนี้ ในวันที่นายพิเชฏฐ์มาบุกรุกที่บ้านพัก มีนายทหารยศพันเอกร่วมมาด้วย ซึ่งคนนี้เคยรับใช้ในโครงการของท่านองคมนตรี แต่กลับสร้างเรื่องยักยอกและปลอมแปลงเอกสาร เรื่องนี้จเรทหารรับทราบแล้ว และผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้ความสนใจอยู่