'อุเทน' ย้ำ กทม.เอื้อเซ็นทรัล ยก พปส.คนรุ่นใหม่กล้าต่อสู้ความไม่ชอบธรรม เหน็บผู้มีอำนาจต้องให้เด็กมาชี้ปัญหา ฝากถามค่านิยม 12 ประการเรื่องประโยชน์ส่วนรวมเคยซึมซับเองหรือไม่ ชี้สะพานเชื่อมเอมบาสซีย์- ชิดลมผิดเต็มประตู สร้างมูลค่าให้สองห้างมากกว่าประโยชน์ ปชช. เตือนคนไทยอย่ายึดติดแต่ความสบาย ต้องมองที่ความถูกต้องด้วย...
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2558 นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย แถลงถึงกรณีที่ กลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) ร้องเรียนไปยัง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อให้ออกมาชี้แจงการให้อนุญาตก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามถนนเชื่อมระหว่างอาคารเซ็นทรัลเอมบาสซีย์ พาร์ค และอาคารเซ็นทรัล ชิดลมว่า ขอชื่นชมทางกลุ่ม พปส.ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในการทำหน้าที่ตรวจสอบความไม่ชอบธรรมของการสร้างสะพานแห่งนี้ ทั้งการทวงถามข้อเท็จจริงจากทาง กทม.และการร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีให้เข้ามาตรวจสอบ ผิดกับข้าราชการและนักการเมืองที่มักใช้อำนาจบนความไม่ถูกต้อง ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม สนใจแต่ประโยชน์ส่วนตนและของพวกพ้องเป็นหลัก โดยเฉพาะข้าราชการและผู้มีอำนาจใน กทม. ทั้งที่เป็นจังหวัดซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่มากที่สุด และเป็นแหล่งอารยธรรมทางการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของประเทศ
"รู้สึกละอายใจแทนเหล่าข้าราชการและกลุ่มผู้มีอำนาจในประเทศ ที่ต้องให้เด็กรุ่นหลังมาชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม เช่นเดียวกับการแสดงออกของนักศึกษาผ่านกิจกรรมล้อการเมือง ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์เมื่อไม่กี่วันก่อน ที่สะท้อนว่าเด็กและเยาวชนมีมุมมองความเป็นห่วงบ้านเมืองมากกว่าผู้ใหญ่ และผู้มีอำนาจในประเทศ และอยากถามว่าหลักค่านิยม 12 ประการที่ย้ำให้คนในชาติใช้ในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะข้อที่ 12 ที่ว่าให้คิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง ข้าราชการและผู้มีอำนาจได้ซึมซับเองบ้างหรือไม่" หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าว
...
นายอุเทน กล่าวต่อว่า ตนได้ร่วมกับทาง พปส.ลงพื้นที่สำรวจสะพานเชื่อมระหว่างเซ็นทรัลเอมบาสซีย์-เซ็นทรัล ชิดลม พบว่าไม่น่าจะเข้าหลักเกณฑ์การขออนุญาตสร้างสะพานลอยของ กทม. ทั้งเรื่องความกว้างของถนน และประโยชน์ที่คนทั่วไปจะได้รับ ถือว่าเข้าข่ายการเอารัดเอาเปรียบสังคมอย่างชัดเจน ใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับห้างสรรพสินค้าของตัวเอง โดยมี กทม.เป็นผู้ให้อนุญาต ส่งผลให้มูลค่าสินค้า ค่าบริการ และค่าเช่าพื้นที่ของทั้ง 2 ห้างสูงเกินความเป็นจริง และมีผลให้ราคาสินค้า และบริการในละแวกใกล้เคียงถีบตัวสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะต่างฝ่ายก็ต่างอ้างราคาของกันและกัน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้บริโภค ขณะที่นายทุนได้ประโยชน์จากความช่วยเหลือของหน่วยงานรัฐ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึกในสังคมไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวอีกว่า หลังจากที่ทางกลุ่ม พปส.ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ตนได้ติดตามความคิดเห็นของประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ พบว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่เข้าใจประเด็นข้อเรียกร้องของ พปส.คาดเคลื่อนไป เนื่องจาก พปส.ต้องการชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนบางส่วนกลับมองเรื่องความสะดวกสบาย โดยไม่คำนึงถึงการละเมิดสิทธิประโยชน์ในสมบัติของชาติที่ตัวเองก็ร่วมเป็นเจ้าของอยู่ด้วย การที่ประชาชนคนไทยยังยึดติดกับความสะดวกสบายเป็นหลัก ก็ถือเป็นต้นตอให้กลุ่มนายทุนเข้ามาแสวงหาประโยชน์ได้โดยง่าย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการกอบโกยผลประโยชน์ของร้านสะดวกซื้อแบรนด์ใหญ่ๆ จนทำให้บรรดาร้านขายของชำต้องเจ๊งตามกันไปจนเกือบสูญพันธ์ุแล้ว
"มีคำกล่าวว่า ตามสบายคือไทยแท้ ซึ่งค่อนข้างตรงกับเรื่องนี้ หลายคนบอกว่ามีสะพานเชื่อมให้เดินข้ามระหว่างห้างก็ดีแล้วจะไปโวยวายทำไม แต่ไม่เคยคิดถึงผลเสียที่ตามมา หรือกระทั่งการที่ตัวเองโดนเอาเปรียบ ถูกละเมิดสิทธิ เพราะถือเป็นเจ้าของสาธารณสมบัติร่วมกับคนในชาติ" นายอุเทนกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ตัวแทนกลุ่ม พปส.ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อให้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว หลังจากที่เคยยื่นหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 19 ม.ค.58 แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากทาง กทม.โดยต้องติดตตามต่อไป ว่า กทม.จะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเรื่องดังกล่าวเมื่อใด.