เรื่องซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการตำรวจนั้น เป็นเรื่องสีเทาที่อาจจะปฏิเสธได้ยากว่าไม่มีจริง ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะมี คสช. ช่วยคืนความสุขประชาชน ปราบปรามล้างบางเรื่องอำนาจมิชอบของวงการสีกากีจนอ้างว่าน่าจะหมดไปแล้วก็ตาม

ทว่า การแก้ไขปัญหาที่แท้จริงจะต้องทำอย่างไร? เปลี่ยนแปลงตรงไหนบ้าง? ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอเปิดมุมมองอดีตนายตำรวจผู้ตงฉินสองท่าน กับความหวังที่จะนำไปสู่การแก้ไขให้เรื่องเลวร้ายเหล่านี้หมดไปจากแผ่นดินไทยเสียที

ผบ.ตร. ต้องเด็ดเดี่ยว ตงฉิน!

พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นหัวหน้าของตำรวจทั้งหมด จะต้องเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและเข้มแข็งเด็ดขาด มองเห็นประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ถ้าไม่เปิดโอกาสให้รับเงิน ก็ไม่มีใครสามารถทำได้ อยู่ที่คนๆ นี้เท่านั้น และถึงแม้ว่าหัวหน้าไม่รับ แต่รองจากหัวหน้ารับนั้น ตัวหัวหน้าเองต้องมีหูตากว้างขวาง เพราะว่าในการแต่งตั้งทั่วไปตามกฎหมายแล้ว ผบ.ตร. ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นอกจากว่าเป็นชั้นสัญญาบัตรเล็กๆ ก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด

“ตำรวจที่มีความสามารถไม่ถึงและต้องใช้เงิน มันเป็นเรื่องของตำรวจที่อยากจะมีความก้าวหน้า แต่มันอยู่ที่หัวหน้า ว่าไม่ยินยอมจะให้ใช้เงิน และต้องการจะแต่งตั้งคนดีมีฝีมือตั้งใจทำงานขึ้นมานั้น คนเหล่านี้ก็จะต้องกลับไปปรับปรุงตัว ศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้มีคุณสมบัติดังกล่าว และก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ใช่ว่าจะใช้เงินอย่างเดียว” พล.ต.อ.ประทิน กล่าว

...

ใช้เงินซื้อเก้าอี้ แล้วผลเสียจะตกอยู่ที่ใครกัน?

ในเมื่อใช้เงินซื้อตำแหน่งที่ต้องการได้นั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะตกไปอยู่ที่กลุ่มใด พล.ต.อ.ประทิน อธิบายในเรื่องนี้ว่า ผลเสียจะตกอยู่ที่ประชาชน เนื่องจากว่าหากตำรวจยอมเสียเงินเสียทองซื้อตำแหน่งแล้วนั้น จะทำให้ไม่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน ตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผู้รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน หากเป็นแบบนี้ก็ไม่สามารถปกครองสายตรวจ หรือตำรวจชั้นผู้น้อยได้

“เดี๋ยวนี้ตำแหน่งผู้การต้องใช้เงินหลายล้านจะไปเอาเงินจากไหนมา ลำพังเงินเดือนตำรวจก็ไม่เท่าไร ไม่มีทางเอาเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาได้ นอกจากว่าจะไปหาเอาจากบ่อน หรือพ่อค้าของเถื่อน รวมไปถึงยาเสพติด คงช่วยเหลือให้เงินให้ทองซื้อตำแหน่งมา แล้วก็ต้องทำงานให้เขา อะไรผิดก็ทำเป็นมองไม่เห็น จะได้อาศัยกินทุกๆ เดือนอีก ตำรวจชั้นผู้น้อยก็ใช้ให้เขาเก็บเงินให้ แถมไปหาเศษหาเลยเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าไม่แก้ไขวงจรมันก็เป็นแบบนี้เรื่อยไปแล้วความปลอดภัย ความเดือดร้อนของประชาชนจะไปอยู่ที่ไหน” อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ระบุ

เลือกผู้นำตำรวจ ต้องปลอดจากการเมือง!

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ระบบราชการปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งปลัดกระทรวง หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ การเมืองจึงถือเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งในส่วนราชการไหนก็ได้ อีกทั้งคุณภาพของคนไทยยังขาดอุดมการณ์ ขาดความรับผิดชอบ กฎกติกาไม่ค่อยยึดถือ ฉะนั้น เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ก็เลือกแต่พรรคพวกตัวเองเข้ามาทำงาน ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวง อธิบดี หรือแม้แต่ ผบ.ตร. ก็ตาม

“ถ้าจะให้ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งกัน ผบ.ตร.ต้องเป็นอิสระ ปลอดจากการเมือง และ ผบ.ตร. ก็มาจากการที่ให้ข้าราชการตำรวจเลือกกันเอง และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยด้วย ไม่ใช่ว่ามีอำนาจทางการเมืองแล้วแต่งตั้งใครสักคนมาเป็นผู้บังคับบัญชาให้พวกเขา” เจ้าของฉายามือปราบตงฉิน ระบุ

ไม่รอให้เกษียณตามวัย จ้างลาออก ยึดเก้าอี้!

อดีต ผบ.ตร. เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า เคยมีการจ้างให้เกษียณก่อนครบอายุราชการ โดยจะมอบเงินก้อนหนึ่งให้ตำรวจท่านนี้ และมอบให้ผู้ใหญ่เบื้องบน และเมื่อตำรวจท่านนี้ลาออกแล้ว ก็มาเสียบในตำแหน่งเดียวกันแทน แต่ก็อยู่ที่ว่าผู้ใหญ่ในสมัยนั้นยินยอมหรือไม่ ถ้าไม่ยินยอมก็ทำอะไรไม่ได้

...

ซื้อขายตำแหน่ง เรื่องร้ายแรงต่อชาติ!

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า เรื่องราวดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรงกับประเทศชาติอย่างมาก เนื่องจากว่าปัจจุบันยาเสพติดมีเยอะขึ้น เพราะว่าพวกที่ซื้อขายตำแหน่งไปรู้เห็นกับพวกค้ายาเสพติด ซึ่งซื้อขายตำแหน่งเป็นอันตรายและร้ายแรงกับประเทศชาติอย่างมาก ผลกระทบจึงตกอยู่ที่ประชาชน เมื่อคนที่ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองเข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ กลับกลายเป็นว่าคนมีเงินได้เป็น คนมีฝีมือไม่ได้เป็น

“เคยมีคนมาทาบทามลูกน้องผม โดยให้ลูกน้องจ่าย 40 ล้าน และจะได้เลื่อนยศเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร แต่ลูกน้องผมไม่เอา เพราะถ้าเอามาก็ต้องไปโกงคนอื่นต่อ เพื่อหาทุนคืน” อดีต ผบ.ตร. กล่าว

อนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่หวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าสักวันคงจะมีตำรวจน้ำดี ที่มีอุดมการณ์อันแข็งกล้า มาช่วยพิทักษ์ศักดิ์ศรีตำรวจไทยให้กลับคืนมาดังเดิม.