กลายเป็นประเด็นขึ้นมา กรณีกระทิงป่าเพศผู้ มาอยู่ในสวนปาล์มหลังวิทยาลัยเกษตรทุ่งตะโก จ.ชุมพร ทับแม่วัวของชาวบ้านที่นำไปเลี้ยงและให้ผสมพันธุ์ ได้ลูกแล้วถึง 11 ตัว ชี้เป็นเรื่องแปลก เพราะโครโมโซมต่างกัน ...

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ม.ค. 58 นายปฐม สาธิตานนท์ รอง ผวจ.ชุมพร นายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอทุ่งตะโก นายฐากร ล้อมศตพร ผอ.ส่วนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) นายวิโรจน์ นาคแท้ ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ผศ.เทียมพบ ก้านเหลือง นักวิชาการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหาทางออก กรณีกระทิงป่าเพศผู้ อายุ 5 ปี หลงฝูงมาอยู่ที่ ม.8 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เป็นเวลา 2 ปี และผสมพันธุ์กับวัวบ้านจนมีลูกออกมาถึง 11 ตัว

อย่างไรก็ตาม การประชุมยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะให้กระทิงป่าตัวดังกล่าวอยู่ในพื้นที่หรือจะผลักดันกลับคืนสู่ป่า และอีกแนวทางหนึ่งก็คือ นำไปอยู่ที่ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ป่า โดยในวันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อหาทางออกร่วมกับทุกภาคส่วน มีชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมด้วย

นายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอทุ่งตะโก กล่าวว่า เป็นเวลาร่วม 2 ปี ที่ชาวบ้านในพื้นที่ผูกพันกับกระทิงป่าตัวนี้ อีกทั้งที่ผ่านมากระทิง ก็ไม่เคยทำร้ายคนในพื้นที่เลย และยังเชื่องอีกต่างหาก แตกต่างจากกระทิงป่าทั่วไป จนมีชาวบ้านหลายคนนำวัวบ้านตัวเมียมาเลี้ยงไว้ที่สวนปาล์มหลังวิทยาลัยเกษตรทุ่งตะโก ตรงที่กระทิงป่าอยู่ จนเกิดการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างวัวบ้าน และกระทิงป่า มีลูกออกมาแล้วถึง 11 ตัว อยู่ที่ อำเภอทุ่งตะโก 8 ตัว และอำเภอใกล้เคียงอีก 3 ตัว ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ต้องการให้กระทิงตัวนี้อยู่ต่อไป

...

ขณะที่ นายฐากร ล้อมศตพร ผอ.ส่วนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าจะต้องได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการเพื่อศึกษาทางวิชาการ หรือให้สัตว์ป่าอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะต้องทำตามกฎหมายที่ระบุไว้ ในส่วนตัวมองว่า สัตว์ป่าควรจะอยู่ในที่ที่เหมาะสม

ด้าน ผศ.เทียมพบ ก้านเหลือง นักวิชาการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร กล่าวว่า ในด้านวิชาการถือว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างมาก เพราะการที่กระทิงป่าซึ่งมีโครโมโซมอยู่ที่ 56 ส่วนวัวบ้านมีโครโมโซมอยู่ที่ 60 ตามหลักวิชาการ หากผสมกันแล้วโอกาสติดลูกมีเพียงแค่ 30% แต่ปรากฏว่าที่อำเภอทุ่งตะโก มีความแปลกที่กระทิงกับวัวบ้านสามารถผสมข้ามสายพันธุ์จนมีลูกออกมาถึง 11 ตัว และยังมีชาวบ้านที่แอบนำแม่วัวมาให้กระทิงผสมพันธุ์อีกจำนวนมากที่ไม่ได้มีการบันทึกข้อมูลไว้

"ส่วนตัวมองว่าประโยชน์จะตกอยู่กับชาวบ้าน และเป็นประโยชน์ในเชิงวิชาการอย่างมาก ที่จะพัฒนาสายพันธุ์วัวให้ดีขึ้น ทั้งยังนับได้ว่าอาจจะเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่มีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากกระทิงตัวนี้ไม่ตื่นคนเหมือนที่อื่น" ผศ.เทียมพบ กล่าว.