ใช้มีดกระบองไฟฟ้า ปล้นนร.-ชิงไอโฟน

รวบได้แล้ว 8 โจ๋ปล้นเรียงตัว 5 เด็กนักเรียน ใช้มีดใช้กระบองไฟฟ้าขู่เอาไอโฟน 5 ไอโฟน 6 รวม 4 เครื่อง พร้อมเงินสด 2 พันบาท ฝ่ายสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ตามจับยกแก๊ง ส่วนใหญ่เป็นเด็ก กศน. และไม่ได้เรียนหนังสือ ตั้งชื่อกลุ่มแก๊ง 8 โจ๋ลักยิ้ม สารภาพทำไปด้วยความคึกคะนอง แต่ตัวหัวโจกมีประวัติยาเสพติด 2 คดี ส่วนอีกราย สน.หัวหมาก จับ 2 วัยรุ่น ใช้ปืนอัดลมและคัตเตอร์ ขี่ จยย.ตระเวนชิงทรัพย์คืนเดียว 7 ราย ผู้เสียหาย 5 คน

นครบาลรวบวัยรุ่นวัยโจ๋ตั้งแก๊งปล้นจี้ 2 คดี 2 ท้องที่ โดยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 19 ม.ค.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช และ พล.ต.ต.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ รอง ผบช.น.ร่วมกัน แถลงข่าวฝ่ายสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ จับกุมแก๊งปล้นทรัพย์ประกอบไปด้วยนายธเนศ ประเสริฐวงค์ หรือเบนซ์ อายุ 19 ปี นายณัฐพล หวังยูโซ๊ป หรืออ้น อายุ 18 ปี นายไผ่ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นายโอ๊ด (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายแหลม (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นายคิว (นาม สมมติ) อายุ 15 ปี และนายก๊อต (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี วันที่ 18 ม.ค.58 พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 เอส 2 เครื่อง ไอโฟน 6 1 เครื่อง ไอโฟน 5 1 เครื่อง กระเป๋าสตางค์ ยี่ห้อหลุยส์วิตตอง 1 ใบ รถ จยย. 4 คัน และมีดปลายแหลม 1 เล่ม แจ้งข้อหาทั้งหมดร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ และร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จับกุมได้ที่บริเวณถนนพรมแดน แขวงและเขตบางบอน

พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.10 น. วันที่ 16 ม.ค. ขณะที่ผู้เสียหายเป็นเยาวชน 5 คน ออกจากร้านข้าวต้มบริเวณปากซอยวัดบางปะกอก ถนนสุขสวัสดิ์ เพื่อกลับบ้าน แต่ถูกคนร้าย 8 คน ขี่ จยย. 4 คัน ย้อนศรผ่านกลุ่มผู้เสียหายแล้วจอดรถลงมาใช้มีดข่มขู่ และใช้กระบองไฟฟ้าตีผู้เสียหาย ปล้นเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสตางค์ ภายในมีเงินสด 2,000 บาทแล้ว หลบหนี ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รวบรวมพยานหลักฐานและติดตามภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งตำหนิรถ จยย.ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ กระทั่งพบว่า มีผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุทั้งสิ้น 8 คน ก่อนติดตามจับกุมได้ทั้งหมด เบื้องต้นทั้งหมดให้การรับสารภาพ ร่วมกันก่อเหตุด้วยความคึกคะนอง และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยมีดปลายแหลมเป็นของนายณัฐพล ส่วนกระบองไฟฟ้าเก็บได้จากย่านใกล้ที่เกิดเหตุ หลังก่อเหตุได้นำไปโยนทิ้งข้างทาง จากการตรวจสอบประวัติทั้งหมด ไม่เคยต้องคดีมาก่อน ยกเว้นนายธเนศ หรือเบนซ์ ที่มีประวัติต้องคดียาเสพติดเมื่อปี 54 และ 56 ที่ สน.แสมดำ โดยผู้ต้องหาที่ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นนักเรียนหลักสูตรการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และไม่ได้เรียนหนังสือมารวมตัวตั้งชื่อกลุ่มว่า 8 โจ๋ลักยิ้ม

...

อีกคดีที่เด็กวัยรุ่นเยาวชนไทยต้องมาหมดอนาคต โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์เปิดเผยว่า ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก นำโดย พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.จับกุมนายนฤมิตร จตุทิศโชคชัย หรือเจมส์ อายุ 19 ปี และนายไมค์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ 10 เครื่อง ไอแพด สอง 1 เครื่อง นาฬิกาข้อมือ 3 เรือน แหวนทอง 1 วง สร้อยข้อมือ 1 เส้น คัตเตอร์ 1 ด้าม ปืนอัดลม สีดำ 1 กระบอก หมวกกันน็อก 2 ใบ เสื้อวินรถ จยย. เขตคลองเตย สีส้ม 1 ตัว เสื้อลายพรางทหาร 1 ตัว กระเป๋าหนังใส่เงินสีน้ำตาล 1 ใบ กระเป๋าหนังสีน้ำตาล ยี่ห้อหลุยส์ 1 ใบ รถ จยย.ไม่ติดป้ายทะเบียน 2 คัน หลังทั้งคู่ตระเวนขี่ จยย.คนละคัน ไปตามถนนย่านรามคำแหง ซอย 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ช่วงระหว่าง 01.00-04.00 น. ของวันที่ 17 ม.ค.ก่อน ใช้ปืนอัดลมและคัตเตอร์ก่อเหตุทั้งหมด 5 ครั้ง มีผู้เสียหาย 7 คน ได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือ นาฬิกา เงินสด รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 1 แสนกว่าบาท เหยื่อส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่พักอาศัยอยู่ย่านนั้นแล้วออกมาหาของรับประทานกลางดึก

พ.ต.อ.ศรายุทธกล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุจนทราบว่าทั้งคู่เป็นคนร้าย ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลอาญา และหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จับกุมนายนฤมิตร และนายไมค์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมของกลางทั้งหมด ได้ที่บ้านพักนายนฤมิตร เลขที่ 84 ถนนมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตประเวศ สอบสวนทั้ง 2 คน รับสารภาพ ก่อนเกิดเหตุ นั่งดื่มเหล้ากันอยู่จนเหล้าหมด และด้วยความคึกคะนอง คิดวิธีหาเงินซื้อเหล้าและยาแก้ไอสี่คูณร้อยมาดื่มกินกันต่อ จึงขี่ จยย.ตระเวนชิงทรัพย์โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร