ชนวนเกิดระเบิด เหตุลากถังดินปืน
บึ้มสนั่นโรงงานผลิตพลุ อ.เมืองสุพรรณบุรี แม่บ้านดับ 1 ศพ กลุ่มควันพวยพุ่งไปรอบบริเวณ คนงานวิ่งหนีตายอลหม่าน ตัวอาคารพังราบเป็นหน้ากลอง ข้าวของกระจุยกระจาย คาดเหตุจากลากถังดินปืนจนเกิดประกายไฟ ขณะที่ตำรวจสั่งย้ำเจ้าของโรงงานเพิ่มมาตรการความปลอดภัยทุกขั้นตอน
โรงงานพลุระเบิดแม่บ้านดับร่างเละ เปิดเผยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 15 ม.ค. ร.ต.ท.รังสรรค์ ลมไธสง พงส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุพลุระเบิดที่โรงงานผลิตพลุของบริษัท สำรวยโพธิ์พระยา ไฟร์เวิร์ค จำกัด หลังวัดโพธิ์ท่าทราย เลขที่ 69/1 หมู่ 1 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รอง ผบก. พ.ต.อ.สุมนตรี กรรณเลขา ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ทีมแพทย์กู้ชีพโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิเสมอกันสุพรรณบุรี รถดับเพลิงจาก อบต.และเทศบาลใกล้เคียง
ที่เกิดเหตุมีกลุ่มควันขาวพวยพุ่งอยู่ทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำกระจายเพื่อลดควันและต้องรอเวลาจนกว่าแน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุระเบิดขึ้นมาอีก จุดเกิดเหตุเป็นอาคารเก็บดินปืนขนาดใหญ่พังล้มราบทั้งหลัง เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในข้าวของกระจุยกระจายพบศพนางยุพา พันธุ์มุข อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 1 ต.บ้านโพธิ์ เป็นแม่บ้าน สภาพชิ้นส่วนของร่างกายถูกแรงระเบิดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณอย่างน่าสยดสยอง เจ้าหน้าที่จึงเก็บชิ้นส่วนศพมารวมกันไว้
จากการสอบสวนทราบว่าจุดเกิดเหตุเป็นห้องสำหรับเก็บส่วนผสมดินปืนก่อนนำมาผลิตเป็นพลุในรูปแบบต่างๆ ช่วงเกิดเหตุนางยุพาเป็นพนักงานทำความสะอาดเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แล้วเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว คนงานวิ่งหนีตายกันอลหม่านรวมไปถึงชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างพากันวิ่งหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย
...
พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ นางยุพาเข้าไปทำความสะอาดคนงานยังไม่เข้าไปทำงาน คาดว่านางยุพาจะขนย้ายถังบรรจุดินปืนซึ่งต้องมีพลาสติกรองที่พื้นก่อนลากเพื่อไม่ให้เกิดการเสียดสีกับพื้นปูน แต่นางยุพาไม่ทราบวิธีการจึงลากถังดินปืนขยับเพื่อทำความสะอาดห้องจนเกิดประกายไฟระเบิดขึ้น สำหรับโรงงานแห่งนี้มีใบอนุญาตถูกต้อง สั่งกำชับเจ้าของโรงงานต้องมีมาตรการคอยดูแลอย่างเข้มงวด ระมัดระวังทุกขั้นตอนการผลิต อย่างไรก็ตาม ได้ส่งเจ้าหน้าจากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุอีกครั้ง