หนุ่มใหญ่อาการซึมเศร้า กระโดดหน้าต่างรถไฟสาย กรุงเทพฯ-อุบลฯ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุดยังไม่รู้ชะตากรรม จนท.นำกำลังระดมค้นหาตลอดคืน แต่ยังไม่พบ
วันที่ 10 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 9 ธ.ค. 58 ร.ต.ต.สมพงษ์ นาคณรงค์ รองสารวัตรสถานีรถไฟอุบลราชธานี รับแจ้งจาก นายสมพิศ หูกขุนทด อายุ 40 ปี ผู้โดยสารที่โดยสารมากับรถไฟ ขบวนรถเร็วที่ 135 กรุงเทพมหานคร - อุบลราชธานี โบกี้หมายเลข 1176 เบาะที่ 1 ด้านซ้ายมือ ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 07.00 น. ถึงอุบลราชธานี เวลา 18.00 น. ว่า ประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีชายอายุประมาณ 40 ปี ได้กระโดดออกจากหน้าต่างรถไฟ ขณะที่รถไฟกำลังวิ่งด้วยความเร็ว หลังออกจากสถานีรถไฟห้วยขะยูง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มาได้ประมาณ 10 นาที แล้วหายไปโดยไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
จากการตรวจสอบบนขบวนรถดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบกระเป๋าเสื้อผ้าผู้ชาย และกระสอบข้าวสารภายในกระเป๋ามีบัตรประจำตัวประชาชน ระบุชื่อ นายธานิน เขียวอ่อน อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.1 ต.เมืองน้อย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และบัตรประจำตัวพนักงาน บริษัท Thai Shinryo Limited ตำแหน่ง ช่างประกอบ
สอบถาม นายสมพิศ เล่าว่า ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถไฟ พบนายธานิน ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกัน มีอาการคล้ายคนซึมเศร้า ไม่พูดจา เหม่อลอย เมื่อรถไฟออกจากสถานีรถไฟห้วยขะยูง มาได้ประมาณ 10 นาที ทันใดนั้น นายธานินก็เปิดหน้าต่างขึ้น แล้วกระโดดออกจากหน้าต่างทันที หายไปโดยไม่ทราบว่าได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตหรือไม่ ส่วนบัตรที่พบเป็นคนเดียวกันกับที่กระโดดลงไปจากรถไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจรถไฟอุบลราชธานี ก่อนประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบูชาธรรม อ.วารินชำราบ นำกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 50 นายออกค้นหา และประสานไปยังญาติตามที่อยู่ตามบัตร ปชช. ซึ่งทางญาติแจ้งว่า นายธานินจะเดินทางไปทำงานที่ จ.นครราชสีมา เท่านั้น ออกจากบ้านตั้งแต่ช่วงเช้า (9 ธ.ค.) จนมาทราบเรื่องดังกล่าว
...
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้าน ที่อยู่ตามเส้นทางรถไฟผ่าน เมื่อทราบเรื่องต่างก็ออกมาช่วยกันเดินเท้าค้นหา จากสถานีรถไฟอุบลราชธานี จนถึงสถานีรถไฟห้วยขะยูง ระยะทาง 22 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้ากว่า 4 ชั่วโมง เพื่อหานายธานินตามที่ได้รับแจ้ง แต่ไม่พบตัวแต่อย่างใด ด้วยความมืดและแสงสว่างไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงยุติการค้นหาในเวลา 00.30 น. และจะวางแผนค้นหากันใหม่ต่อไป.