อยู่ไม่ได้! เจ้าอาวาสวัดดัง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ยอมย้ายที่จำวัด หลังชาวบ้านกว่า 200 ชีวิต ลุกฮือไล่ออกจากพื้นที่ หลังถูกอ้างว่านำที่ดินของวัดไปขาย โดยชี้แจงรายละเอียดไม่ได้ ด้าน นอภ. เตรียมตั้งกรรมการสอบ ถ้าผิดจริงเจอโทษคดีอาญา
จากกรณี ชาวบ้าน ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี กว่า 200 คน รวมตัวกันที่วัดโคมนาราม (วัดในบางแก้ว) หมู่ 4 ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม ขับไล่พระอธิการปรีชา สมฺปชาโน เจ้าอาวาสวัดให้พ้นไปจากวัด อ้างว่า พระอธิการปรีชา แอบนำเอาโฉนดที่ดินของวัดไปหาประโยชน์ในทางมิชอบ และทวีความรุนแรงขึ้นมีชาวบ้านบันดาลโทสะใช้กำลังทำร้ายพระอธิการปรีชา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระงับเหตุ และตกลงเชิญผู้เกี่ยวข้องมาประชุมยุติปัญหาในเวลา 12.00 น. วันที่ 9 มกราคม นั้น
ล่าสุด วันนี้ นายกิตติศักดิ์ ฤกษ์ทวีสุข นายอำเภอบ้านแหลม พร้อม นางนันทิรา ชูเกตุ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา และนางสาวอารีย์ เถรว่อง เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เดินทางมาที่วัดโคมนาราม เข้าร่วมประชุมยุติปัญหากรณีดังกล่าว โดยเชิญพระอธิการปรีชาเจ้าอาวาส และ นายอภัย ใคร่ครวญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางแก้ว ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้าน และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมโดยมีชาวบ้านกว่า 200 คน เดินทางมาสังเกตการณ์และห้อมล้อมสถานที่ประชุม โดยขณะประชุมชาวบ้านต่างโห่ร้องขับไล่เจ้าอาวาสตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่จาก สภ.บ้านแหลม และ ตร.นอกเครื่องแบบจาก กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.15 ที่มาดูแลรักษาความสงบ กว่า 20 นาย ต้องห้ามปรามตลอดเวลา
เบื้องต้น นางไพเราะ เอี่ยมสวัสดิ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ 2 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี อ้างว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 15 วันที่ผ่านมา มีนายก๋อย เอี่ยมสวัสดิ์ ซึ่งเป็นคนขับรถพระอธิการปรีชานำสำเนาโฉนดที่ดิน จำนวน 9 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา ที่มีชื่อนายยุ้ย เอี่ยมสวัสดิ์ ลุงของตนซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้วเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ มาให้ที่บ้าน บอกถ้าอยากได้ที่ดินให้ติดไปยังนายบ่าย ชาว ต.ยางชุม ด้วยความอยากได้ที่ดินตนจึงเดินทางไปหา โดยนายบ่ายได้บอกกับตนว่า เป็นตัวแทนของพระอธิการปรีชา ถ้าอยากได้ที่ดินให้นำเงินจำนวน 50,000 บาท มาให้แล้วจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ทันที เบื้องต้นตนได้ปฏิเสธ และต่อมาได้เดินทางมาที่ อบต.บางแก้ว เพื่อตรวจสอบพิกัดที่ตั้งที่ดิน กระทั่งทราบว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ตั้งของวัดซึ่งมีโบสถ์ วิหาร และเสนาสนะต่างๆ ตั้งอยู่ จึงขอถอนตัวเพราะแม้จะมีชื่อญาติตนเป็นเจ้าของ แต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดไปนานแล้วไม่อยากยุ่งเกี่ยว และไม่อยากเป็นความกับวัดให้นรกถามหา
...
จากนั้นได้มีการสอบถาม พระอธิการปรีชา ถึงโฉนดที่ดินของวัดอีกแปลงจำนวน 23 ไร่เศษ ปรากฏว่าพระอธิการปรีชา ปฏิเสธไม่ได้นำโฉนดดังกล่าวไปจำนอง แต่ไม่สามารถนำโฉนดมาแสดงได้โดยอ้างว่า เก็บไว้นานหาไม่พบ ส่วนโฉนดจำนวน 9 ไร่ พระอธิการปรีชายืนยันว่า ต้องการนำไปมอบให้ทายาทของนายยุ้ย เจ้าของโฉนด ทำให้ชาวบ้านที่ร่วมฟังความเกิดความไม่พอใจ โห่ร้องตะโกน กล่าวหา พระอธิการปรีชา ว่าเอาที่ดินวัดไปขาย ถูกจับได้กระทำผิดแต่ไม่ยอมรับต่อหลักฐาน และยังนำโฉนด 23 ไร่ ไปจำนองอีก และยื่นคำขาดให้พระอธิการปรีชานำโฉนดทั้งสองฉบับมาคืน และออกไปจากวัดโดยทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มรอบสถานที่ประชุมมากขึ้น และโห่ร้องกล่าวถ้อยคำขับไล่อย่างรุนแรงตลอดเวลานายทวีศักดิ์ นายอำเภอบ้านแหลม เกรงจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้จึงประสานแจ้งไปยังพระครูบวรรัตนวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง เจ้าคณะตำบลบางแก้ว อ.บ้านแหลม ขอให้พระอธิการปรีชา ทำตามคำร้องขอของชาวบ้าน และได้บทสรุป ให้พระอธิการปรีชาออกจากวัดโคมนาราม ไปจำวัดที่วัดบางลำพู อ.บ้านแหลม และให้พระอธิการปรีชานำโฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับคืนที่วัดโดยเร็ว ทั้งนี้ ขณะที่พระอธิการปรีชาไปจำวัดที่วัดบางลำพู คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบุรีจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหากกระทำผิดจะดำเนินการทางวินัยสงฆ์ และหากไม่มีการนำโฉนดมาคืนจะดำเนินคดีทางอาญาด้วย
เบื้องต้น พระอธิการปรีชา ขอเวลาเดินทางในช่วงเช้าวันที่ 10 มกราคม แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม อ้างว่าอยู่นานจะเป็นบาปต่อวัด และให้พระอธิการปรีชาเก็บของออกจากวัดภายใน 2 ชั่วโมง พระอธิการปรีชาจึงได้เก็บของใช้ส่วนตัวและเดินทางออกจากวัดโคมนารามไปในเวลา 14.30 น.โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแหลม ขับรถไปส่ง ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 200 คน ที่เดินขบวนตามไปส่งด้วยความพอใจ และมีบางส่วนตะโกนไล่ไม่ให้พระอธิการปรีชากลับมาอีก
ด้าน นายชาญชัย นุสพันธุ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านบางแก้วหมู่ 3 และอดีตไวยาวัจกรประจำวัดโคมนาราม เปิดเผยว่า เดิมวัดโคมนาราม ชื่อ วัดในบางแก้ว ตั้งอยู่ริมทะเลหมู่ 4 ต.บางแก้ว ต่อมาน้ำทะเลกัดเซาะ หลวงพ่อบุญลืมอดีตเจ้าอาวาส จึงมีดำริย้ายวัดโดยซื้อที่ดินบริเวณหมู่ 4 ต.บางแก้ว ห่างจากที่เดิมประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งวัดปัจจุบันจำนวน 9 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา โดยใช้ชื่อนายยุ้ย เอี่ยมสวัสดิ์ ประธานกรรมการวัด ในสมัยนั้นเป็นผู้ซื้อ ในปี 2515 และก่อสร้างวัด เสนาสนะมาจนครบ แต่ไม่ได้มีการโอนที่ดินให้เป็นของวัด เนื่องจากไม่ได้ทำการจดขึ้นทะเบียนเป็นวัดต่อกรมศาสนา กระทั่งมีการขึ้นทะเบียนเป็นวัดในปี 2533 แต่ก็ไม่ได้โอนชื่อโฉนดเป็นวัดเนื่องเพราะหลงลืม จนกระทั่งหลวงพ่อบุญลืมมรณภาพ และพระอธิการปรีชาขึ้นเป็นเจ้าอาวาส และมาเกิดเหตุดังกล่าว
ด้านนางสาวอารีย์ เจ้าพนักงานที่ดินฯ กล่าวว่า ปัญหาที่ดินวัดเป็นชื่อของบุคคลมีหลายแห่ง แต่ไม่ค่อยปรากฏว่าจะมีการนำไปจำนำจำนอง หรือจำหน่าย แต่เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดปัญหา แนะนำให้วัดไปทำการโอนเปลี่ยนชื่อเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด โดยให้เจ้าของชื่อในโฉนด หรือทายาทเป็นผู้โอนสิทธิ์ หรือหากตกลงไม่ได้ให้ยื่นเรื่องต่อศาลพิจารณา จากนั้นที่ดินยินดีมาดำเนินการให้ถึงที่วัด
...
สำหรับชาวบ้านที่บันดาลโทสะ กระโดดถีบ พระอธิการปรีชา เมื่อคืนวันที่ 8 มกราคม ทราบชื่อต่อมาคือ นายสายันต์ เทพคีรี อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 7 หมู่ 4 ต.บางแก้ว ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ ร.ต.ท.สนธิชัย ชูเชิด ร้อยเวร สภ.บ้านแหลม และถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย เปรียบเทียบปรับ 1,000 บาท