แจงตร.ปมซื้อรถลัมโบร์กินี หลังมีข้อสงสัยโยงแก๊งโกง อดีตอธิการฯให้ปากคำวันนี้
บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ โล่งอก หลังนำสมุดบัญชี 2 เล่ม โร่พบ รอง ผบก.ป.หัวหน้าฝ่ายสืบสวนคดีโกงเงิน สจล.เป็นครั้งที่ 2 เหตุติดใจสงสัยเรื่องซื้อรถลัมโบร์กินีต่อจากผู้ต้องหา ขณะที่ “รองอ้อ” รรท.ผู้การกองปราบฯยันเอง พระเอกหนุ่มใช้เงินซื้อรถอย่างถูกกฎหมาย ย้ำใครพัวพันเกี่ยวข้องจะเรียกสอบทุกคน ขณะที่ รองแจง-พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึงหัวหน้าชุดสืบสวน ระบุ คนอยู่เบื้องหลังคดีนี้ เป็นผู้มีอำนาจวาสนา อีกทั้งเจอร่องรอยเงินหายในระบบแล้วเกือบ 1,000 ล้านบาท เป็นของ “กิตติศักดิ์ มัทธุจัด” ผู้ต้องหาสำคัญที่หลบหนีคนเดียว 700 ล้านบาท พบใช้ชีวิตมหาเศรษฐี เช่า ฮ.บินชมวิวรอบเกาะฮ่องกง ขณะที่ ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี นัดพนักงานสอบสวนกองปราบฯวันนี้
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เข้าแกะรอยสืบสวนคดีโกงเงินส่วนกลางของสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)มูลค่าเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท พบเหตุเกิดระหว่างปี 55-57 ก่อนจับกุมนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีต ผจก.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง สจล. ในข้อหาร่วมกันปลอม และใช้เอกสารสิทธิปลอม ร่วมกันลักทรัพย์ และข้อหาฟอกเงิน จากนั้นทยอยออกหมายจับผู้ต้องหาที่กระทำความผิดชัดเจนเพิ่มเติมอีก 6 คน จับกุมแล้ว 2 คน และยังหลบหนีอีก 4 คน โดยเฉพาะนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด 1 ในผู้ที่ถูกออกหมายจับ และหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศฮ่องกง เป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัวมากที่สุดเพื่อนำไปสู่การไขปมโกงเงินครั้งมโหฬาร และหาตัวผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาดำเนินคดี พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการทำสำนวนหมายจับเสนออัยการสูงสุดตามขั้นตอน ขณะที่นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี เตรียมเข้าพบพนักงานสอบสวน
...
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. หัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีโกงเงิน 1,400 ล้านบาท สจล.เปิดเผยหลังเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสรุปความคืบหน้าว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.นี้จะขยายผลออกไปต่อในเรื่องของรถยนต์และทรัพย์สิน ต่างๆ รวมทั้งประสาน ปปง.เข้าตรวจยึด อายัดของเหล่านี้ที่ผู้ต้องหาได้มาเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบ มีการเล่นแร่แปรธาตุ เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากสถาบันฯ (สจล.) ใครซื้อทรัพย์สินของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ขอเตือนว่าจะต้องถูกยึดกลับคืน จากแนวทางการสืบสวน มีเอกสารยืนยันว่า น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ นายทรงกลด ศรีประสงค์ และอดีตผู้บริหารรู้กัน นอกจากนี้ ยังเชื่อว่ามีคนที่อยู่เหนือขึ้นไปจากนายกิตติศักดิ์ ที่ยังไม่เปิดเผยออกมา ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นผู้มีอำนาจวาสนา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร เพราะยังไม่รู้ว่าพยานหลักฐานจะพาดพิงไปถึงหรือไม่ สำหรับยอดเงินของ สจล. ตั้งแต่ปี 55 ถึง 57 ที่ตรวจสอบพบว่าสูญหายไปทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาท ทรัพย์สินที่ตรวจพบเฉพาะในส่วนของนายกิตติศักดิ์มีประมาณ 700 ล้านบาท บ้าน 2 หลังที่บลูเลอวาร์ด กับพฤกษ์ภิรมย์รวม 100 ล้านบาท โชคดีที่แก๊งนี้เอาเงินออกนอกระบบไปไม่มากนัก เฉพาะที่ยังอยู่ในระบบ ที่ตรวจสอบพบอยู่ประมาณ 994 ล้านบาท ที่ยังตรวจสอบไม่เจออีกประมาณ 400 ล้านกว่าบาท
รอง ผบก.ป.กล่าวต่อว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว 8 ราย จับกุมได้ 4 ราย มีนายกิตติศักดิ์ที่เป็นผู้ต้องหาสำคัญเชื่อว่าหลบหนีไปต่างประเทศ 1 ราย ตรวจสอบพบว่า มีกำหนดกลับประเทศไทยในวันที่ 12 ม.ค.ส่วนบริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ ประกอบด้วยบริษัทต่างๆ 7 แห่ง โดยพบว่า บริษัท เอ็ม.ที.เจ.พร็อปเปอร์ตี้ มีเงินทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เป็นบริษัทประกอบธุรกิจบ้านจัดสรร มีนายกิตติศักดิ์เป็นหุ้นส่วนใหญ่
มีนายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ ผู้ต้องหาอีก 2 คนเป็นหุ้นส่วน ส่วนบริษัทอื่นๆอีก 6 แห่ง มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท สำหรับบริษัท มัทธุจัด เชื่อว่าน่าจะเป็นบริษัทที่ใช้สำหรับฟอกเงิน โดยนายพูนศักดิ์ซื้อบ้านที่หมู่บ้านลัดดารมย์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ราคา 24 ล้านบาท เมื่อเดือน พ.ค.57 ซื้อด้วยเงินสด โดยกู้เงินจากบริษัทมัทธุจัด ผ่อนคืนให้เดือนละ 1 แสนบาท ทั้งที่ตัวเองยังไม่มีงานทำ พฤติกรรมของแก๊งนี้จะใช้วิธีเอาเงินฟอกเงิน โดยบริษัททั้ง 7 แห่ง เริ่มประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี 55—57 เป็นปีที่มีการเอาเงินจาก สจล.ออกมา มีบริษัท เค.ลิฟวิ่ง แอนด์เซอร์วิส จำกัด ที่เพิ่งมาเปิดเมื่อปลายปี 57 บริษัท เอ็ม.เอฟ. โทเทิล เอฟเฟคร์ จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับการบำรุงผิว ส่วนกรณีของ พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช ดาราสาว ต้องตรวจสอบว่า เข้ามาเป็นกรรมการในบริษัทของนายกิตติศักดิ์ได้อย่างไร ได้รับส่วนแบ่งอะไรบ้าง ทั้งหมดตรวจสอบได้อยู่แล้ว
“ที่น่าสังเกตคือ บริษัททั้งหมดมีที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันคือที่หมู่บ้านธนภิรมย์ มีบริษัทเดียวที่แยกไปอยู่ที่บลูเลอวาร์ด ฝ่ายสืบสวนได้ขอหมายศาลไปตรวจค้น และอายัดฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ และวงจรปิดที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนมากถึง 7 แสนบาท มาตรวจสอบหาหลักฐานการเชื่อมโยงกับการลักทรัพย์เงินของ สจล.แล้ว” พ.ต.อ.กรไชยกล่าว
หัวหน้าชุดสืบสวนคดีโกงเงิน สจล.กล่าวต่อว่า ในส่วนทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ของนายกิตติ-ศักดิ์พบข้อมูลว่าได้ขายไปแล้ว 3 คัน เป็นรถยนต์หรูยี่ห้อ ออดี้ 1 คัน ยี่ห้อลัมโบร์กินี 2 คัน คันหนึ่งขายให้ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกละครคนดัง สำหรับรถลัมโบร์กินี คันที่ขายให้กับบอย-ปกรณ์ไปนั้น ยังสงสัยอยู่ว่ามีเหตุผลอะไร เมื่อซื้อมาจาก บริษัทคาร์แม็กซ์ พระราม 9 ในราคา 19.5 ล้านบาท แค่ 2 เดือนกว่า แล้วมาขายต่อให้บอย-ปกรณ์ ไปราคา 13.5 ล้านบาท ทำไมถึงขายขาดทุนไปตั้ง 6 ล้านบาท ขนาดคนรวยๆยังไม่ทำกัน สู้เอาเงินไปเช่ารถมาใช้ไม่ดีกว่าหรือ ส่วนตัวของบอย-ปกรณ์ แม้จะมาพบฝ่ายสอบสวนเมื่อวันก่อนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งนำเอกสารการซื้อขายมาให้ดูแล้วก็ตาม แต่ตนยังมีข้อสงสัย จะประสานขอให้มาพบเพื่อคุยกันอีกครั้ง จะต้องดูความเชื่อมโยงระหว่างบอยกับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ด้วย ทุกอย่างมีเส้นทางหมด ที่บอกว่าไม่รู้จักกันมาก่อน จะทำให้ดูว่าสิ่งที่บอกกับตำรวจเป็นยังไง วันนั้นบอย—ปกรณ์ มาพบพนักงานสอบสวนเท่านั้น ไม่ได้มาพบตนถ้ามาพบตน จะมีคำถามมากกว่านั้นอีกเยอะ
...
พ.ต.อ.กรไชยกล่าวต่อว่า สำหรับทรัพย์สินทั้งหมดของนายกิตติศักดิ์ ปปง.จะเป็นผู้อายัดทรัพย์สิน ที่มีการซื้อมาอยู่ในครอบครอง รวมทั้งทรัพย์สินที่จำหน่ายขายไปแล้ว ว่ามีการขายไปอย่างไร คนที่ได้ทรัพย์สินเหล่านี้ไปไม่ว่าจะเป็นชื่อพ่อแม่พี่น้องของผู้ต้องหาที่มีการซื้อหรือโอนให้เป็นเจ้าของแทน แม้จะไม่โดนดำเนินคดีแต่อาจจะต้องถูกอายัดทรัพย์เหล่านั้น ถ้าไม่สามารถชี้แจงกับ ปปง.ได้ ส่วนรถยนต์อีก 2 คัน ยี่ห้อ ลัมโบร์กินี และออร์ดี้ ยังไม่ทราบว่าขายต่อไปในราคาเท่าไร แต่เชื่อว่าน่าจะขายไปในราคาไม่แพง เหมือนกับคันที่ขายต่อให้บอย—ปกรณ์ การที่นายกิตติศักดิ์จะเบิกเงินสดไปซื้อรถยนต์หรูราคาแพงแต่ละคันทำได้ไม่ง่าย เชื่อว่าเป็นการซื้อมาด้วยการใช้แคชเชียร์เช็คเงินสด เป็นการฟอกเงินดีๆ การเคลื่อนไหวตัวเลขในบัญชีไม่น่าสงสัย ไม่ต้องมีการแจ้งให้ ปปง.ทราบ เมื่อซื้อรถยนต์แล้ว การที่จะได้เงินกลับมาก็คือการขายรถยนต์ออกไป ผู้ต้องหาจะได้เงินสดกลับมาอยู่ในบัญชีธนาคารของเขาทันที ทั้งนี้ยังพบว่าเขาเดินทางไปเที่ยวที่ฮ่องกง ใช้จ่ายเงินอย่างกับมหาเศรษฐี มีการเช่าเฮลิคอปเตอร์บินดูรอบๆเกาะฮ่องกง
พ.ต.อ.กรไชยกล่าวต่อว่า ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าได้ร่วมกับแก๊งนี้ อาจจะเป็นรับจ้างไปเปิดบัญชี รวมทั้งผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ตัว เชื่อว่าแค่รับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้นได้ค่าจ้างหลักแสนบาท แต่ต้องหลบหนี ถ้าเข้ามามอบตัวให้ปากคำ อาจจะช่วยให้โทษเบาลง อาจแค่กันเป็นพยาน ส่วนขั้นตอนต่อไปมีเป้าหมายอีก 1 ราย ที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ เป็นผู้ทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชี แต่ได้รับเงินไปมากถึง 20 ล้านบาท โดยไปเปิดบัญชีธนาคารในเวลา 17.00 น. เมื่อโอนเงินเข้าบัญชีแล้วก็โอนต่อไปทันทีเวลา 18.00 น.วันเดียวกันเลยเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินในธนาคารภายในห้างแห่งหนึ่ง
...
หัวหน้าชุดสืบสวนกล่าวต่ออีกว่า สำหรับในวันที่ 5 ม.ค. ได้รับการประสานจากญาติของนางสมบัติ และ น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ สองแม่ลูกในคดีที่ถูกออกหมายจับว่า จะเดินทางเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ แต่ที่ผ่านมามีคนกลุ่มหนึ่งคอยบีบผู้ต้องหาไม่ให้มามอบตัว กลัวว่าจะสาวไปถึงผู้ต้องหารายอื่นอีก สำหรับรถหรูของนายกิตติศักดิ์ที่มีอยู่ 7 คัน ผู้ใดที่เก็บครอบครองไว้ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ารถเหล่านี้เป็นของนายกิตติศักดิ์ที่ได้มาโดยมิชอบ แล้วนำไปไว้ในครอบครอง ให้แจ้งมาที่ตำรวจกองปราบปราม เพื่อจะได้ไปอายัดรถทั้งหมดไว้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ถ้าไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ อาจจะโดนข้อหาซ่อนเร้น อำพราง ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดด้วย ผู้ที่ครอบครองอยู่เวลานี้ต่างก็รู้ว่าเป็นรถที่ได้มาโดยมิชอบทั้งนั้น นอกจากนี้ยังได้รับการติดต่อจากนายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล.ว่า วันที่ 5 ม.ค. เวลา 10 โมงเช้า นายถวิลพร้อมผู้บริหารชุดเก่า จะเข้าพบพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามเพื่อให้รายละเอียดต่างๆในเรื่องการเซ็นเบิกถอนเงิน ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดี สจล.
วันเดียวกัน บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกหนุ่มช่อง 3 เปิดเผยกรณีที่ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.เตรียมเรียกพบเพื่อสอบถามเรื่องรถลัมโบร์กินี ที่ซื้อต่อจากผู้ต้องหาว่า เพิ่งทราบเรื่อง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางเจ้าหน้าตำรวจ ถ้าหากติดต่อมายินดีที่จะเข้าไปชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนราคารถ เท่าที่อ่านข่าวลงราคาไม่ตรงกันเลย ที่เห็นราคารถมือสอง บางฉบับลง 25 ล้านบาท บ้างก็ 20 ล้านบาท ความจริงไม่ได้สูงขนาดนั้น เท่าที่ทราบทางตำรวจกำลังดำเนินการเช็กราคาที่แท้จริงอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกกังวลเพราะคิดว่าท่านรองคงสับสนกับราคาของรถ สำหรับตนเข้าใจได้ หากคนที่อยู่ในแวดวงรถยนต์จะรู้ว่าราคารถที่ตนซื้อมานั้นเป็นราคาปกติ ถ้าคนที่ไม่รู้ราคาจะเข้าใจว่าถูกเยอะมาก อยากอธิบายง่ายๆว่า รถตนที่ซื้อมานั้นเป็นรถเกรย์มาร์เก็ต สมมติซื้อรถเบนซ์จากโชว์รูม ราคาจะสูงเพราะมีการันตีเซอร์วิสต่างๆ ส่วนรถนำเข้าเกรย์มาร์เก็ต เวลาขายมือ 2 ราคาจะตกเยอะ ถ้ารถซื้อจากศูนย์ราคา 22 ล้านบาท แต่พอเป็นรถเกรย์มาร์เก็ต ราคาจะเหลือ 16-18 ล้านบาท เวลาขายต่อราคาจะตกลงมาเยอะเหลือ 13-14 ล้านบาท ถือว่าราคาปกติ แต่หลังจากเป็นข่าวตนมีหน้าที่ชี้แจง หลังจากมีข่าวดังกล่าว สิ่งเดียวที่กังวลคือไม่อยากให้คนเข้าใจผิดๆ ข่าวที่ออกมากลายเป็นว่ารู้จักผู้ต้องหามาก่อน ขอยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกันมาก่อน และไม่มีส่วนเกี่ยวพันใดๆ แล้วตนซื้อรถด้วยความสุจริต ราคาซื้อก็เหมาะสมกับสภาพรถ ไม่ได้ซื้อในราคาถูกผิดปกติแต่ประการใด
...
เย็นวันเดียวกัน บอย-ปกรณ์เดินทางมาที่กองปราบปราม เพื่อให้การเพิ่มเติมกับ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.หัวหน้าชุดสืบสวนคดีโกงเงินกองกลาง สจล. ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนเดินทางกลับ
หลังจากนั้น พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.เผยว่า มอบหมายให้ พ.ต.อ.กรไชยสอบปากคำและตรวจสอบ โดยบอย-ปกรณ์ได้นำบัญชีสมุดธนาคาร 2 บัญชีมาให้ตรวจสอบย้อนหลัง 3 เดือน เกี่ยวกับการเบิกถอนเงินซื้อรถลัมโบร์กินี หลังตรวจสอบบัญชีย้อนหลังแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัย และไม่พบการกระทำความผิด ได้ปล่อยตัวกลับบ้านไป เหตุที่เชิญสอบในจุดนี้ เพราะพัวพันเกี่ยวกับเรื่องการซื้อรถลัมโบร์กินีต่อจากนายกิตติศักดิ์ แต่เมื่อพบแล้วเป็นเงินที่ซื้ออย่างถูกต้องตามกฎหมายไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งโกงเงิน สจล. ยืนยันว่า ใครก็ตามที่พัวพันกับเรื่องนี้จะเรียกสอบทุกคน และให้ความเป็นธรรมทุกๆคน