เพราะกรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงที่มีประชากรตามทะเบียนราษฎรและประชากรแฝงราวๆ 10 ล้านคน สำนักการแพทย์กรุงเทพมหานครจึงมีภารกิจสำคัญที่จะต้องรับผิดชอบในด้านสาธารณสุข ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือรักษาพยาบาล
ดังนั้น กทม.จึงได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อ “ศูนย์เอราวัณ” เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานการจัดรถบริการด้านการแพทย์ ในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยการใช้บริการผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 1646 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ รายงานวันจันทร์ จะพาไปพูดคุยกับ นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผอ.ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. (เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กทม. ถึงบทบาทและภารกิจของศูนย์เอราวัณ
--------------------
ถาม – ภารกิจของศูนย์เอราวัณคืออะไร
นพ.เพชรพงษ์ – ศูนย์เอราวัณ เป็นศูนย์ที่คอยรับแจ้งเหตุด้านการแพทย์ในกรณีฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง คอยประสานงานจัดบริการหน่วยแพทย์ให้ผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บในสภาวะวิกฤติ เพื่อให้การช่วยเหลือทางด้านการแพทย์เบื้องต้นเพื่อลดการสูญเสีย โดยศูนย์เอราวัณมีภาคีเครือข่าย 57 หน่วยงาน ประกอบด้วย โรงพยาบาลในระบบ 48 แห่ง และมูลนิธิ 8 แห่ง มีบุคลากรกว่า 500 คน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกว่า 200 คน รถอุปกรณ์การแพทย์หน่วยเคลื่อนที่เร็วรวมทั้งหมด 154 คัน
...
ถาม – สถิติในการรับแจ้งมีมากน้อยเพียงใด
นพ.เพชรพงษ์ - หมายเลข 1646 ในแต่ละปี มีทั้งแจ้งขอความช่วยเหลือจริงและแจ้งเท็จ โดยในปีงบประมาณ 2557 ได้รับแจ้งรวม 41,419 ครั้ง ปีงบประมาณ 2556 ได้รับแจ้งรวม 43,354 ครั้ง ปีงบประมาณ 2555 ได้รับแจ้งรวม 39,381 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการแจ้งขอความช่วยเหลือจากอุบัติเหตุทางถนน รองลงมาเป็นอุบัติเหตุอื่นๆ อาทิ ตกจากที่สูง ตกน้ำ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และทะเลาะวิวาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยในปีงบประมาณ 2557 มีผู้ป่วยสูงถึง 26,705 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 64 โดยศูนย์เอราวัณ สามารถดำเนินการเคลียริ่งทุกเคสที่ขอความช่วยเหลือเข้ามาได้ค่อนข้างสูงและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ มีโทรศัพท์ที่โทร.เข้ามาก่อกวน โดยเฉพาะเด็กตามโรงเรียนในช่วงเปิดภาคเรียน ซึ่งทางศูนย์เอราวัณจะตรวจสอบและแจ้งกลับไปยังสถานศึกษา เพื่อให้ทำความเข้าใจกับเด็ก
ถาม - ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน
นพ.เพชรพงษ์ – การจราจรติดขัดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการเข้าถึง อีกทั้งผู้แจ้งขอความช่วยเหลือแจ้งพิกัดไม่ชัดเจน หรือแจ้งอาการไม่ถูกต้อง ทำให้เจ้าหน้าที่จัดหน่วยบริการทางการแพทย์ไม่เหมาะสมในการออกให้บริการ รวมถึงจำนวนหน่วยบริการที่ยังมีไม่ครอบคลุมพื้นที่เท่าใดนัก ซึ่งในปัจจุบันศูนย์เอราวัณมีหน่วยรถปฏิบัติการฉุกเฉิน 57 จุดเท่านั้น ซึ่งในอนาคตจะ
ต้องเร่งขอกำลังเพิ่มอัตราให้เข้ามาในระบบให้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายในระยะสั้นคือ การว่าจ้างพยาบาลที่ผ่านการอบรมเข้ามาปฏิบัติงานส่วนแผนในระยะยาวจะเพิ่มหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วอีก 2 จุดคือ บริเวณรามคำแหงและลาดพร้าวให้ได้ภายในปี 2558 โดยวิธีการเชิญชวนโรงพยาบาลให้เข้าระบบร่วมปฏิบัติการ พร้อมกันนี้จะขยายหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินให้ได้ครอบคลุมและกระจายในจุดที่เหมาะสมให้ได้ถึง 69 จุด ทั่วกรุงเทพฯ.