รอบปีที่ผ่านมา เหตุการบ้านการเมืองไม่ค่อยปกติเท่าที่ควร เนื่องจากมีเสียงนกหวีดยาวจากปลายปีที่แล้ว จนถึงช่วงกลางปีนี้ ก่อนปี่กลองเชิดให้อัศวินม้าขาวออกมาหย่าศึก แล้วเร่งจัดระเบียบบ้านเมืองให้เข้าที่เข้าทางโดยเร็ว ท่ามกลางการลุ้นเอาใจช่วยจากทุกฝ่ายให้ภารกิจคืนความสุขแก่พี่น้องชาวไทยประสบความสำเร็จ เป็นสังคมที่มีแต่ความรัก ความสามัคคี เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกันถ้วนหน้า และเช่นเคยที่สำนักข่าวฮา โดย “ซูม” และ “ฤทธิ์ ศิษย์ซูม” ยังทำหน้าที่นำความสุขและเสียงหัวเราะในมุมเล็กๆ มารับใช้เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้
เหนียวไก่หาย
ประเดิมความฮากันด้วย เรื่องราวเล็กๆ ของคนทั่วไป แต่อาจไม่เล็กสำหรับเด็กน้อยคนนี้ จนต้องยกให้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ กับกรณีของ น.ส.ขนิษฐา จันทร์สว่าง หรือ น้องไลล่า อายุ 15 ปี สาวน้อยชาวสตูล ที่วางถุงข้าวเหนียวไก่ทอดไว้ในตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์แล้วเดินเข้าร้านเซเว่นเพื่อเติมเงินออนไลน์โทรศัพท์มือถือ พอกลับออกมาเหนียวไก่ทั้งถุง อันตรธานไปแล้ว ด้วยความโมโหหิวจึงอัดคลิประบายความอัดอั้น ต่อว่าต่อขานหัวขโมยยกใหญ่ ด้วยสำเนียงพูดปนทองแดง ส่งผลให้คลิป “เหนียวไก่หาย” ฮิตในโลกโซเชียล มีคนแห่เข้าไปชมนับล้านคน และแชร์ต่อจนโด่งดังชั่วข้ามคืน เกิดกระแส “เหนียวไก่ฟีเวอร์” ลามไปทั่วประเทศ มีคนแห่ให้กำลังใจและซื้อเหนียวไก่ไปฝากกันหัวกระไดไม่แห้ง ไม่เว้นแม้แต่พ่อเมืองที่โหนกระแสกะเค้าด้วย ส่วนน้องไลล่า ร้านเหนียวไก่เจ้าประจำ ดึงตัวไป
โชว์ตัวหน้าร้าน จนยอดขายพุ่งกระฉูด แถมมีสินค้าจีบไปโชว์ตัวเพียบ จนถึงวันนี้น้องไลล่า เหนียวไก่ ได้กลายเป็นขวัญใจมหาชนคนนิยมกินเหนียวไก่ไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามข่าวจริงไม่อิงนิยาย ข่าวนี้จบลงแบบหักมุมดังเป๊าะ เมื่อตำรวจเจ้าของคดีออกมาแถลงว่า ผู้ร้ายขโมยไก่ไม่ใช่ “คน” ซะหน่อย แต่กลายเป็น “สุนัข” ไปฉิบ ที่คาบไก่ไปกิน แปลว่าที่ “น้องไลล่า” ด่าไฟแลบน่ะ ด่าสุนัขทั้งเพ สรุปว่าผู้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำที่ทำให้สตูลโด่งดังไปทั้งประเทศก็คือ เจ้าสุนัขตัวนี้ต่างหาก ถ้าไม่เกิดคดี “ม.ค.ป.ด.” (สุนัขคาบไปรับประทานคดีนี้) เหนียวไก่คงไม่ขายดีขนาดนี้หร็อก.
...
ฮือฮาหนุมานชู 3 นิ้ว
เกือบเรียกแขกซะแล้ว จู่ๆ นายสำรวย เอมโอษฐ ศิลปินปูนปั้นชื่อดังเมืองเพชร ผุดไอเดียบรรเจิด ปั้นประติมากรรม “หนุมานชู 3 นิ้ว” ความสูง 3 เมตร ประดับด้วยเพชรและหินสี วางไว้บริเวณเชิงเขากิ่ว วัดไร่ดอน อ.เมืองเพชรบุรี ทำเอาแตกตื่นกันทั้งเมือง หวั่นว่าจะไปขัดคำสั่งข้อห้าม “คสช.” แต่เมื่อได้ฟังศิลปินชื่อดังชี้แจงแล้วถึงกับโล่งอก เนื่องจากที่ผ่านมาเคยปั้นรูปล้อเลียนอดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่าน อาทิ นายชวน หลีกภัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่วนสาเหตุที่ปั้นรูปหนุมานชูนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง 3 นิ้ว ไม่ได้แสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน เพียงแต่อยากสื่อสัญลักษณ์เชิดชูสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ศูนย์รวมจิตใจ ให้คนไทยปรองดองกันแค่นั้น ส่วนทางพุทธศาสนายังหมายถึงไตรลักษณ์ คือธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ 3 อย่าง คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เป็นข้อคิดให้ตั้งมั่นทำความดี...เฮ้อ...รู้เจตนาแบบนี้ก็โล่งอกไปที ว่าแต่คราวหน้าจะปั้นอะไรที่เสียวไส้แบบนี้อีกไหมเนี่ย.
ห้อยพระรอบตัว
พ่อค้ารายนี้แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร เข้าทำนองข้ามากับพระ เพราะเล่นเอาพระเครื่องที่สะสมมาร้อยทำเป็นเสื้อกั๊กสร้างจุดขาย ขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างตระเวนขายผลไม้ดองไปทั่วเมือง โดยเจ้าของไอเดียกระฉูดสร้างจุดขายรายนี้คือ นายสนม จันทราภิรมย์ ชาว อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เล่าให้ฟังว่า ปกติชอบสะสมพระเครื่อง จึงมีแนวคิดนำพระมาร้อยต่อกันเป็นเสื้อกั๊กทั่วทั้งตัว ปรากฏว่าขับผ่านไปตรงไหน ลูกค้าอุดหนุนกันตรึม บางรายที่เป็นเซียนพระ นอกจากซื้อผลไม้ดองแล้ว ยังขอส่องพระไปในตัวด้วย ต้องชื่นชมสุดยอดไอเดียเฉียบแหลมครั้งนี้ ที่นำมาสร้างเสริมอาชีพ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปเรียบร้อยแล้ว.
...
แท็กซี่ติดกรง
ไอเดียกระฉูดทันยุคทันเหตุการณ์ เข้าตำราล้อมคอกไว้ก่อน เห็นจะไม่มีใครเกิน นายสมภพ ศุภสมภพ โชเฟอร์แท็กซี่ หน้าห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต ที่ทำเอาผู้โดยสารแปลกใจไปตามๆกัน เนื่องจากดัดแปลงนำตะแกรงเหล็กแบบตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัส มาติดตั้งกั้นล้อมรอบที่นั่งคนขับไว้เป็นสัดส่วน โดยตะแกรงทุกด้านมีความสูงเกือบชิดหลังคาเก๋ง และช่วงกึ่งกลางของตะแกรงมีช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เจาะไว้สำหรับวางถาดรับเงินจากลูกค้า โดยนายสมภพเล่าให้ฟังถึงไอเดียดังกล่าวว่า อาชีพแท็กซี่มีความเสี่ยงสูง มักถูกจี้ปล้น บางครั้งถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต จึงตัดสินใจป้องกันตัวเอง ด้วยวิธีติดตะแกรงล้อมคอกคนขับให้รู้แล้วรู้รอดไป ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นไอเดียป้องกันตัวเองได้รอบคอบมาก ส่วนใครจะลอกเลียนแบบ เจ้าตัวฝากบอกว่าไม่สงวนลิขสิทธิ์.
ศาลพระภูมิสูงลิบ
ต้องยกให้เป็นอะเมซซิ่งศาลพระภูมิแปลก แหวกแนว ไม่เหมือนใครในประเทศไทย หากใครผ่านไปผ่านมาหน้าบ้านของ นายอารมณ์ กล่ำอยู่สุข เจ้าของกิจการโต๊ะจีน “สามล้านโต๊ะจีน” จะต้องเห็นศาลพระภูมิ ที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร ที่เวลาไหว้ต้องแหงนหน้า พนมมืออธิษฐานจนเมื่อยคอ เนื่องจากมีความสูงถึง 10.9 เมตร สาเหตุที่สร้างศาลพระภูมิพิสดารเช่นนี้ เป็นเพราะขณะนอนหลับฝันเห็นคนแก่นุ่งขาวห่มขาวมาเข้าฝันบอกให้ตั้งศาลพระภูมิแบบสูงๆ เพราะอยากอยู่ที่สูงๆ พอตื่นขึ้นมาเลยเล่าความฝันให้ภรรยาและลูกๆฟัง ต่างลงความเห็นว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี จึงตัดสินใจออกแบบด้วยการปักเสาไฟฟ้าความสูง 10.9 เมตร และตัวศาลทำด้วยสเตนเลสอย่างดีเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ซึ่งคงต้องนับถือในความพยายามครั้งนี้ แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าเวลาปีนป่ายขึ้นไปจุดธูปเทียน และวางของเซ่นไหว้ จะต้องใช้วิชาตัวเบา หรือการแสดงกายกรรมต่อตัวบ้างไหมเนี่ย?
...
ปี๊บคลุมหัว
ฮือฮาไปทั่ว ม.มหิดล เมื่อจู่ๆ อาจารย์สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์คนดัง เดินเอาปี๊บคลุมหัวทั่วมหา’ลัย พร้อมระบายความอัดอั้นตันใจด้วยการเขียนข้อความลงบนปี๊บ ส่วนปรากฏการณ์ปี๊บคลุมหัวครั้งนี้ เป็นเพราะการคัดค้านกรณี นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี ม.มหิดล ถ่างขาควบ รมว.สาธารณสุข อีกตำแหน่ง จึงขอให้แสดงสปิริต ด้วยการลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี เพราะรู้สึกอับอายจนหน้าชา จึงตัดสินใจหาปี๊บมาคลุมหัวให้รู้แล้วรู้รอด หลังจากนั้นจึงใช้ปี๊บคลุมหัวเดินทั่ว ม.มหิดล ก่อนเข้าห้องประชุมร่วมกับผู้บริหาร ด้วยการใส่ปี๊บคลุมหัวตลอดเวลาที่นั่งประชุม กระทั่งในที่สุด นพ.รัชตะทนกระแสปี๊บคลุมหัวไม่ไหว เลิกถ่างขาควบสองตำแหน่งคงไว้เพียงแค่เป็น รมว.สาธารณสุข ตำแหน่งเดียว...ก็ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์สุกรี ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า คำพังเพยแบบไทยโบราณเรื่องปี๊บคลุมหัวยังทันสมัยและใช้ได้เสมอ แม้ในยุคปัจจุบัน...ยังเหลืออีกหนึ่งคำพังเพยเกี่ยวกับปี๊บ ได้แก่การ “เตะปี๊บ” เพื่อแสดงออกถึงพลังชายชาตรีบางอย่าง...จะมีใครนำมาพิสูจน์อีกไหมเนี่ย หรืออาจารย์สุกรีจะลองพิสูจน์ต่อ...โชว์ปี๊บคลุมหัวเรียบร้อยแล้ว เตะปี๊บให้ดูซะเลยว่าจะไกลซักกี่วา?
...
ร้องเพลงกล่อมช้าง
คลิปนี้ถือว่าโดนใจคนรักสัตว์มากที่สุด เนื่องจากร้องเพลงกล่อมช้างจนหลับใหลกันไปทั้งโขลง จนถูกโพสต์ลงยูทูบ และเฟซบุ๊ก มีผู้คลิกเข้าชมนับล้านวิว สำหรับที่มาของคลิปประทับใจของคนกับช้าง เกิดขึ้นที่ศูนย์บริบาลช้างแม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดย นางแสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ที่สวมบทนักร้องกล่อมช้าง เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า เกิดจากการช่วยเหลือช้างวัยรุ่นชื่อ “ฟ้าใหม่” จากคณะละครเร่ ทีมีนิสัยดุร้าย เกเร จึงพยายามตีสนิทด้วยการร้องเพลงทั้งไทยและสากลให้ลดความดุร้าย แต่ไม่ได้ผล สุดท้ายนึกถึงเพลง “ใต้ร่มมลุลี” ซึ่งเป็นเพลงโปรด แล้วร้องให้ช้างฟ้าใหม่ฟังเท่านั้น ก็เปลี่ยนพฤติกรรมกลายเป็นช้างอ่อนโยน หลับตาพริ้มเหมือนต้องมนต์สะกด หลังจากนั้นจึงต้องมีภารกิจเพิ่มด้วยการร้องเพลงกล่อมให้ช้างทั้งโขลงฟังทุกวัน จนกลายเป็นนักร้องซุป’ตาร์หนึ่งเดียว ที่มีแฟนคลับเป็นช้างทั้งโขลงไปเรียบร้อยแล้ว...แสดงว่าช้างโขลงนี้ชอบเพลงซึ้งๆ ชุดจุฬาตรีคูณ ชอบสุนทราภรณ์นะเนี่ย ฉะนั้น จงกล่อมด้วยเพลงซึ้งต่อไป ห้ามร้องเพลง “ช้างช้างช้างช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า” เป็นอันขาด เพราะเป็นเพลงเร้าใจแบบเพลงเชียร์ หรือร้องแล้วอาจจะทำให้ช้างคึกคักจนนอนไม่หลับ ตื่นทั้งคืนก็เป็นได้.
งานศพครื้นเครง
แทนที่งานศพจะเป็นงานโศกเศร้า กลับกลายเป็นงานครื้นเครงไปซะงั้น บรรดาชาวบ้านละแวกวัดเวฬุราชิณ เขตธนบุรี ต่างแปลกใจไปตามๆกัน กับงานศพของ นายทองดี เชื้อสุต อายุ 70 ปี อดีตนักมวยเวทีราชดำเนิน ฉายา “ศักดิ์สิงห์ ศิษย์-ดำเนิน” ที่ภายในงานติดแสงสีระยิบระยับราวงานวัด มีการจัดตะกร้อลอดห่วง โชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย รวมทั้งการร้องเพลงจากนักร้องเลียนเสียงเหมือนเทียรี่ เมฆ–วัฒนา ตูน บอดี้สแลม และป้าง นครินทร์ ในคนคนเดียวกัน บรรยากาศสนุกสนาน ท่ามกลางมิตรรักวงการหมัดมวยมาร่วมงานคับคั่ง จากการสอบถามนายวีระ เชื้อสุต น้องชาย เผยว่า ก่อนตายพี่ชายสั่งเสียว่า คนที่มางานศพห้ามโศกเศร้า เสียใจ เพราะความตายเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ขอให้เน้นจัดงานรื่นเริงล้วนๆ และเท่าที่สอบถามบรรดาแขกเหรื่อต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่มางานศพแล้วมีความสุขแฮปปี้กันถ้วนหน้า.
แข่งวิบากบ่าวสาว
บรรยากาศภายใน สวนลุมพินี ช่วงปลายฝนต้นหนาวเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา อบอวลไปด้วยความรักของคู่รักบ่าวสาวที่เตรียมเข้าสู่ประตูวิวาห์ โดยคลื่นวิทยุแห่งหนึ่ง จัดกิจกรรมวิ่งแข่งคู่บ่าวสาวพิชิตงานแต่งในฝัน “อีซี่ รันนิ่ง ออฟ เดอะไบรด์ ปี 3” ซึ่งมีคู่บ่าวสาวจำนวน 75 คู่ 150 ชีวิต แต่งชุดวิวาห์มาร่วมชิงชัย กติกาคือต้องผ่านด่านที่กำหนดไว้ อาทิ เจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาว แข่งคำนวณรายรับรายจ่าย แข่งจับคู่ภาพเหมือน แข่งเป่าลูกโป่งรูปหัวใจ จนถึงด่านสุดท้ายคือด่านไขกุญแจรัก วัดดวงให้เจ้าบ่าวหากุญแจเพื่อไขล็อกกุญแจหัวใจของเจ้าสาว ซึ่งทุกด่านเป็นไปอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มเป็นระยะๆ กระทั่งได้คู่ชนะเลิศคือ นายณัฐพล งอกทรัพย์ กับ น.ส.ปิยรัตน์ พูลศิลป์ คว้ารางวัลต่างๆ มูลค่า 1.3 ล้านบาท อาทิ จัดงานแต่งงานในโรงแรมสุดหรู และแพ็กเกจฮันนีมูนที่บาหลี กลายเป็นคู่วิวาห์โชคดีแห่งปีไปในที่สุด.
คาราวานขันหมาก
ส่งท้ายข่าวฮาในรอบปี คืนความสุขให้พี่น้องชาวไทยกันถ้วนหน้า สำนักข่าวฮารวบรวมภาพวิวาห์น่ารัก เรียกรอยยิ้ม เป็นขบวนขันหมากมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างนำเจ้าบ่าวไปสู่ขอเจ้าสาวที่อ.กันตัง จ.ตรัง มาเป็นสีสันแห่งความรักส่งท้าย...สวัสดีปีใหม่ครับ.
ฤทธิ์ ศิษย์ ซูม เรียบเรียง