“คนขับรถตู้”...อาชีพที่ผู้คนในสังคมต่างเหมารวมว่า พวกเขาเหล่านี้เป็นโชเฟอร์ตีนผี ไม่ยี่หระชีวิตของผู้โดยสารแม้แต่น้อย แต่คุณเคยตั้งข้อสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า เหตุอันใดพวกเขาต้องขับรถสะวี้ดสะว้าด อารมณ์เสียให้คุณเห็นอยู่บ่อยครั้ง...มันเพราะอะไร?

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาคุณไปค้น แคะ แกะ เกา ความลับคนขับรถตู้ หากคุณรู้จะไม่แปลกใจสักนิดว่า ทำไมโชเฟอร์ถึงต้องเหยียบไม่ยั้ง อารมณ์เดือดดาลขึ้น-ลงตลอดเวลา!

ทางทีมข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยอย่างตรงไปตรงมาจากปากของ นายชัชวาล ชอบสะอาด รองผู้จัดการท่ารถตู้ศรีเมือง พร้อมกับ คนขับรถตู้มากประสบการณ์อย่าง นายโชค ปัทมาพันธ์ คนขับรถตู้ กรุงเทพ-สุพรรณฯ ที่จะมาเผยทุกโจทย์ที่สังคมพรั่งพรูถาม พร้อมเปิดความลับ เผยสูตรลัดวิถีรถตู้อยู่อย่างไรให้รอด!

คำถามสุดแคลงใจ...ทำไมต้องขับเร็ว ?
ด้วยความที่รถตู้ไม่ได้มีเพียงแค่คันเดียว เส้นทางรถตู้ไม่ได้มีเฉพาะหนึ่งสาย ฉะนั้น สภาวะแห่งการแข่งขันจึงเกิดขึ้น บีบคั้นให้มีคู่แข่งชนิดที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ชัชวาล รองผู้จัดการท่ารถตู้ศรีเมือง ผู้คร่ำหวอดในวงการรถตู้ เล่าอย่างเปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจรถตู้ว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทางบริษัทดำเนินธุรกิจเดินรถในรูปแบบของรถทัวร์ กรุงเทพฯ-ราชบุรี เพราะด้วยความที่ผู้โดยสารน้อยคน แต่กลับมีที่นั่งเป็นจำนวนมาก จนทำให้บางครั้งบางคราวต้องวิ่งรถเปล่าด้วยซ้ำ จึงทำให้ทางบริษัทต้องแปรเปลี่ยนมาทำเป็นรถตู้ เพื่อสอดรับกับการเดินทางของผู้โดยสาร

...

“ส่วนที่ใครหลายๆ คนสงสัยว่า ทำไมคนขับรถตู้ถึงต้องขับเร็วนั้น มีสาเหตุมาจากคนขับจะต้องเร่งทำเวลา เพื่อไปแย่งรับคนกับรถตู้สายอื่นๆ ที่วิ่งทับเส้นทางเดียวกัน หากไปช้ากว่าเขา เราก็ต้องเสียโอกาสในการรับผู้โดยสาร เพราะมีบางคนที่โทรมาจองกับทางท่ารถของเรา แต่พอเราไปช้ากว่า ก็หันไปขึ้นรถของท่าอื่นกันหมด” รองผู้จัดการท่ารถตู้ยักษ์ใหญ่ประจำราชบุรี ให้เหตุผล

รองผู้จัดการท่ารถตู้ เผยประสบการณ์ว่า ทางบริษัทได้จัดซื้อกล้องวงจรปิดมาติดตั้งภายในตัวรถกว่า 51 ตัว เพื่อตรวจสอบว่าโชเฟอร์ขับรถเร็วหรือประมาทหรือไม่ ในเส้นทางที่ขับไปนั้น มีคนขึ้น-ลงกี่คน แต่ด้วยความที่คนขับรถไม่ต้องการให้ทางบริษัทพบความผิด จึงตั้งใจแกล้งทำให้กล้องวงจรปิดของรถตู้เสีย ด้วยวิธีต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นเอาน้ำราดสายไฟให้วงจรเสีย เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทก็ต้องเป็นผู้รับภาระซ่อมแซม และรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด สุดท้ายก็ต้องยกเลิกการใช้กล้องวงจรปิดไป

ขณะที่ คนขับรถตู้ กรุงเทพ-สุพรรณฯ พูดถึงเรื่องนี้ว่า รถผมมี จีพีเอส ติดอยู่หน้ารถ ก็จะสามารถขับได้ประมาณ 100 กม./ชม. ตามกฎหมายกำหนด แม้จะเป็นช่วงเร่งด่วนต้องทำเวลาก็ต้องทำตามนั้น เพราะหากถูกจับ ก็จะถูกปรับ หากถูกจับเกิน 3 ครั้งก็อาจจะถูกยึดใบอนุญาตขับรถ ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ได้มาสุ่มตรวจสุขภาพ และเช็กสภาพรถบ้าง หากเจอปัญหาครั้งแรกเขาอาจจะตักเตือน แต่หากมีปัญหาอีกเขาก็จะเรียกไปปรับเงิน


ส่วย ใต้โต๊ะ!...ชาวรถตู้ต้องจ่ายใคร ?
1 ใน 3 บุคคลที่ทีมข่าวสัมภาษณ์ยอมเล่าว่า ทางบริษัทจำเป็นต้องจ่ายส่วยให้กับตำรวจทางหลวง เนื่องจากรถตู้เป็นรถประเภทที่ต้องวิ่งในเลนซ้ายสุดเท่านั้น หากวิ่งเลนขวาจะผิดกฎหมายทันที ทางบริษัทจึงจำเป็นต้องจ่ายเงิน เสมือนเป็นค่าเคลียร์ทางให้แก่ตำรวจ เพราะด้วยความที่ผู้โดยสารต้องการความรวดเร็ว ฉะนั้น ไม่ว่าจะวินใดก็ตามจึงไม่สามารถวิ่งแต่เลนซ้ายไปได้ตลอดทาง

“แต่ตอนนี้ทางตำรวจไม่กล้ารับเคลียร์แล้ว เพราะคาดว่าจะมาจากการที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจ แต่ทางตำรวจพวกนี้ก็ใช้วิธีเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แทน และใช้อีกวิธีหนึ่งคือ เรียกจอด ให้ใบสั่ง โดยทางเราก็ไปเสียค่าปรับ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็จะคิดค่าปรับที่ไม่แพงมาก” คนในวงการรถตู้เปิดหมดเปลือก

...


เปิดรายได้ ส่องระเป๋าเงินคนขับรถตู้!
รายได้ของคนขับรถตู้จากการเดินรถนั้น ขึ้นอยู่กับระยะทางว่าใกล้ไกลเพียงแค่ไหน แต่สำหรับท่ารถตู้ราชบุรี ให้ค่าจ้างโชเฟอร์ตกขาละ 100-120 บาท (ขับจากราชบุรีไปอนุสาวรีย์ได้ขาละ 120 บาท ขับจากราชบุรีไปสายใต้ได้ 100 บาท) ซึ่ง 2 ขา เท่ากับ 1 เที่ยว และในหนึ่งวันจะสามารถวิ่งได้ 2 เที่ยวเป็นอย่างนั้ย แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลก็จำเป็นต้องวิ่งถี่ขึ้น

ขณะที่ โชค คนขับรถตู้สายสุพรรณฯ แจกแจงอย่างไม่ปกปิดว่า "คนขับรถตู้ รายรับก็พออยู่ได้ เพราะแต่ละวันขับรถได้เที่ยวละ 260 บาท รายได้ที่มีจะได้จากการวิ่งอีก วิ่งไป 1 รอบ เขาเรียกว่า 1 ขา ใน 1 ขา เราจะได้เพิ่มอีก 12 บาท หากลูกค้าจะส่งของฝากของ ก็จะคิดตามขนาดและน้ำหนัก ถ้าของมีจำนวนมากหรือต้องใช้พื้นที่เยอะ ลูกค้าก็ต้องซื้อที่นั่งไป โดยค่าตั๋วอยู่ที่นั่งละ 120 บาท ในแต่ละเดือนเงินที่ได้จากการฝากของ อาจจะนำมาแบ่งให้คนขับรถตู้ทั้งวินฯ หารออกมาเพื่อแบ่งกันเท่าๆ กัน"

...


ทีมข่าวไม่รอช้ารีบแย้มดูกระเป๋าสตางค์เจ้าของวินบ้างว่า กินเพียบ ฟาดเรียบแค่ไหน ได้รับคำตอบว่า ยกตัวอย่าง วินฯจังหวัดราชบุรี โดยทั่วไปแล้ว 1 วินจะมีรถตู้ทั้งหมด 50 คัน จำนวนเงินที่ได้รับจะตกขาละประมาณ 700-800 บาท เมื่อนำเงินที่ได้มาหักค่าใช้จ่าย (ค่าบริหาร ค่าก๊าซ ค่าคนขับ ค่าดูแลสภาพรถ) จะเหลือประมาณ 250-300 บาทต่อหนึ่งขา ซึ่ง 15 วัน วิ่งได้ประมาณ 55 ขา นำไปคูณกับ 250 บาท ก็จะเป็นกำไรกว่า 1.3 หมื่นบาท รวมกันทั้งเดือนมีกำไรทั้งหมดประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท แต่ถ้าในกรณีที่ขึ้นต้นสายจะได้กำไรกว่าขึ้นตามท่าต่างๆ รายทาง (หากขึ้นต้นสายทั้งคันรถ จะเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1 พันบาทต่อหนึ่งขา) เพราะต้นทางมีราคาสูงกว่ารับตามท่าต่างๆ รายทาง


เก้าอี้เสริม...ใส่มาเพิ่มได้หรือ?
หลายต่อหลายครั้งที่รถตู้มักง่าย ติดตั้งเก้าอี้เสริมให้กับผู้โดยสาร ทั้งๆ ที่อันที่จริงแล้ว รถตู้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 15 คนต่อคัน และจำกัดเรื่องความเร็วรถไม่เกิน 100 กม.ต่อชั่วโมง

“ในส่วนของท่ารถตู้ที่นี่ไม่เคยโดยสารเกินจำนวนแม้แต่ครั้งเดียว แต่วินฯจังหวัดข้างเคียง ชอบอัดผู้โดยสารเข้าไปบางครั้งบางคราวตก 17-18 คนต่อคัน โดยเหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะบางวินฯ เป็นรถเช่า หรือรถวิ่งเอง เพราะฉะนั้นรายได้ก็จะเข้ากระเป๋าเขาเต็มๆ แต่รถตู้ของเราเป็นแบบวิ่งรวม ไม่จำเป็นต้องรับผู้โดยสารเกินจำนวน ถึงแม้ว่าคนขับรถตู้ของเราจะรับผู้โดยสารตามรายทางเพิ่ม รายได้ก็ต้องนำมาหารกับคนขับคนอื่นๆ อยู่ดี” บิ๊กท่ารถตู้ศรีเมือง สะท้อนปัญหา.

...

อ่านเพิ่มเติม 

รถตู้ สะดวกแลกเสี่ยง EP.1 คมนาคมห่วย!! สะท้อนคุณภาพชีวิตคนไทย

รถตู้ สะดวกแลกเสี่ยง EP.3 เปิดบทลงโทษเข้ม รับ-ส่งไร้ระเบียบ!