ทุกๆ เทศกาลหยุดยาว พี่น้องประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปหาครอบครัว ญาติพี่น้อง หวังเพื่อเติมกำลังใจในการสู้ชีวิตหลังทำงานตรากตรำในเมืองใหญ่มายาวนาน หากคนมีเงินหน่อยคงเลือกซื้อความสะดวกด้วยการใช้บริการเครื่องบิน เพราะถึงที่หมายภายใน 1 ชม. แต่หากอยู่ไม่ไกลนักหรือเงินน้อยหน่อย อาจจะนั่งรถไฟ หรือ รถทัวร์ แต่ที่สะดวกและรวดเร็ววิธีหนึ่งก็คือใช้บริการ "รถตู้โดยสาร"

ปัจจุบัน ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายจัดระเบียบรถตู้โดยสาร ทำให้วินรถตู้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีความเป็นระเบียบมากขึ้น แต่จะปลอดภัย หรือเสี่ยงตายเหมือนแต่ก่อนหรือไม่ "ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐ" จะไขคำตอบให้ได้อ่านกัน

ระบบขนส่งห่วย ต้นกำเนิดรถตู้โดยสาร 

พ.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้อธิบายที่มาที่ไปของ "รถตู้โดยสาร" ให้ฟังว่า ระบบขนส่งโดยสารของไทย แบ่งเป็น 4 หมวด หมวด 1 รถบริการ กทม.-ปริมณฑล มี ขสมก. ได้รับใบอนุญาต หมวด 2 กทม. ไปต่างจังหวัด บขส.ได้รับใบอนุญาต หมวด 3 วิ่งระหว่างจังหวัด ไม่ผ่าน กทม. จะให้ใบอนุญาตแก่เอกชนเป็นรายๆ และหมวด 4 วิ่งภายในจังหวัด ขนส่งจังหวัดมีอำนาจอนุมัติใบอนุญาต แต่ทั้ง 4 หมวดที่ออกแบบมา กลับมีช่องว่างในการบริการ จึงทำให้รถตู้โดยสารถือกำเนิดขึ้น

"เริ่มแรกอาจจะเป็นรถตู้เหมา เพราะรถสาธารณะไม่เพียงพอ ต้องรอนาน เข้าไม่ถึงที่หมาย เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าเยอะก็เริ่มวิ่งประจำทาง จุดกำเนิดมาจากเรื่องไม่ถูกต้อง ก็เป็นที่มาของ "ผู้มีอิทธิพล" ทำหน้าที่เคลียร์เส้นทางกับเจ้าหน้าที่ เช่น จ่ายส่วย เจ้าหน้าที่หน่วยไหนเกี่ยวหน่วยนั้นก็รับไป เมื่อมีรายได้มากขึ้น คนจึงอยากเข้ามาทำ ผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าของวินก็อาจจะเรียกเก็บเงินจากผู้ที่อยากเข้ามาร่วมวิน เมื่อไม่มีทางเลือกก็จำเป็นต้องจ่าย ทั้งนี้ จากข้อมูลทราบว่า มีวินรถตู้เรียกเก็บจากสมาชิกที่อยากเข้าวิน 1 ราย สูงสุดถึง 4 แสนบาท ซึ่งวินที่เก็บเงินดังกล่าวเป็นวินที่วิ่งในทำเลทอง คือสายตะวันออก หรือ สายใต้ต้นๆ โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว"

...

ค่าแรกเข้า 4 แสน วิ่งวินทำเลทอง 

รอง ผบ.พล.ม.2 รอ. อธิบายต่อว่า สาเหตุที่เขายอมจ่ายเงินสูงขนาดนั้น เพราะมีการล่อใจเรื่องรายได้ เช่น การวิ่งวิน กทม.-สระบุรี ราคาตั๋ว 100 บาท เฉลี่ย เขาได้ผู้โดยสาร 10 คนต่อเที่ยว เขาได้เงิน 1,000 บาท ค่าแก๊สประมาณ 200 บาท กำไร เที่ยวละ 800 บาท วิ่งวันละ 3 เที่ยว กำไร วันละ 2,400 บาท ค่าคนขับหัวละ 500 บาท ดังนั้น เขาจะเหลือเงินวันละ 1,900 บาท นำมาคูณ 30 วัน จะได้ 57,000 บาท หากคิดค่าผ่อนรถ หากเป็นรถใหม่เดือนละ 24,000 บาท ดังนั้นเขามีรายได้เหลือประมาณเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท หากมีการจ่ายค่าแรกเข้า เขาก็จะได้คืนในเวลาต่อมา

จัดระเบียบวินรถตู้ อนุสาวรีย์ชัยฯ ปชช.พอใจเกือบ 90% 

รอง ผบ.พล.ม. 2 รอ. กล่าวต่อไปว่า การจัดระเบียบรถตู้เป็นนโยบายของ คสช. โดยท่านหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบนโยบายให้กับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกร.รส.) สมัยนั้นมี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ซึ่งปัจจุบัน เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ดูแล ต่อมา พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 มารับตำแหน่ง ผู้บัญชาการรักษาความสงบเรียบร้อย ก็ได้มอบนโยบายการจัดระเบียบรถ 3 ประเภท ได้แก่ 1. รถ จยย.รับจ้าง 2. แท็กซี่ และ 3. รถตู้โดยสารสาธารณะ โดยมุ่งเน้นไปที่รถโดยสารสาธารณะประจำทาง โดยมีการดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ก็มอบหมายให้ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ โดยท่าน พล.ต.สมโภชน์ วังแก้ว ผู้บัญชาการกองพล ท่านก็ได้สั่งการให้ตน ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการกองพล ไปปฏิบัติ ซึ่งการปฏิบัติงานก็ต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก ขนส่งมวลชนกรุงเทพ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำงานเป็นทีมงาน แนวการทำงานจะมีการหารือร่วมกันเพื่อจัดทำโมเดลเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมกันทั่วประเทศ

กรอบการทำงานมี 3 ประการ 1. ความปลอดภัย 2. ไม่กีดขวางจราจร และ 3. ปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเริ่มต้นจัดการเรื่องไม่กีดขวางการจราจรก่อน เริ่มทำงานตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดย พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน ซึ่งท่านเสนอแนวทาง "หนึ่งวิน หนึ่งคิว หนึ่งคัน" เพื่อป้องกันการกีดขวางจราจร จากที่จอดแช่รอผู้โดยสาร ก็แก้ด้วยการขอความอนุเคราะห์จาก ท่านผู้ว่าการรถไฟฯ ให้พื้นที่แอร์พอร์ตลิงก์เป็นที่พักรถ บางส่วนเขาก็ไปเช่าที่เอกชน 7 แห่ง รอบอนุสาวรีย์ฯ เมื่อผู้โดยสารครบ 14 คน ก็ให้รถมารับผู้โดยสารต่อไป ตรงนี้มีหลายโพลสำรวจความพึงพอใจของประชาชน ปรากฏว่าพอใจกว่า 80-90%

...

ปัญหาดินพอกหางหมู แก้ไม่ตรงจุด ยิ่งทำลายระบบ 

พ.อ.เฉลิมพล เผยต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น มีมาก่อนที่จะมี คสช. รถตู้โดยสาร น่าจะเริ่มต้นเมื่อปี 2534 ต่อมา ปี 2553 สมัยปี 53 สมัย นายโสภณ ซารัมย์ อดีต รมว.คมนาคม ได้ให้ความช่วยเหลือรถที่ผิดกฎหมายให้เข้ามาจดเป็นป้ายเหลือง ถ้าสังเกตข้างรถ ที่เขียนว่า ม.2 คือหมวด 2 (ต) คือ รถที่ผิดกฎหมายแล้วได้รับการช่วยเหลือ ส่วน ม.2(จ) วงเล็บ จ คือ รถบัสเดิม (46 ที่นั่ง) ซึ่งรถบัสสามารถแปลงมาเป็นรถตู้ ได้ 3 คัน เพราะมีรถตู้แล้ว รถบัสก็จะแข่งสู้ไม่ได้ แต่เมื่อมันมาเป็นแบบนี้ หลักการที่เปลี่ยนไป ส่งผลทำลายระบบขนส่ง ทำลายมาตรฐาน ก่อนหน้านี้ไม่มีใครชี้แจงหรืออธิบาย แต่เมื่อเราได้รับนโยบายมาแก้ไข จึงเดินหน้าสำรวจ พบว่ามีรถตู้ป้ายดำ หรือป้ายฟ้า กว่า 5 พันคัน เฉพาะหมวด 1 และ 2 หากเราบังคับใช้กฎหมายทันที ก็จะเกิดผลกระทบทั้งผู้ขับรถตู้ รวมถึงประชาชนที่ต้องการใช้บริการ

กำจัดจุดอ่อน จัดขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง แต่พบปัญหาใหม่! 

พ.อ.เฉลิมพล กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้มองผลต่อประชาชนเป็นหลัก รวมถึงความปลอดภัยมาพิจารณาร่วมกัน จึงดำเนินการเรื่องแรก คือ ให้นำรถเข้ามาตรวจสภาพ เพราะรถบริการสาธารณะ อายุรถต้องไม่เกิน 10 ปี คันไหนตรวจสภาพรถผ่าน ก็จะติดสติกเกอร์ ผลการตรวจรถ 5 พันกว่าคัน มีรถได้มาตรฐาน กว่า 2,800 คัน รถหายไปจากถนนกว่า 2 พันคันตอนนั้น การประกันภัยไม่มี เพราะการจดทะเบียนเป็นรถส่วนบุคคล คือไม่เกิน 7 ที่นั่ง หลายครั้งรถประสบอุบัติเหตุ ไม่ตรงเงื่อนไขการประกันภัย เนื่องจากใช้รถผิดประเภท จึงได้ขอความร่วมมือรูปแบบการประกันภัยเป็นรถสาธารณะ

...

รถสองพันกว่าคันที่เหลือ ก็จะจัดมาลงทะเบียน จากป้ายดำเป็นป้ายเหลือง รวมแล้ว 3,074 คัน เป็นของ ขสมก. 1,862 คัน บขส. 1,212 คัน ข้อกำหนดทำสัญญาร่วม ขสมก. หรือ บขส. ที่เปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้รถกับกรมการขนส่ง ขั้นตอนเราให้เวลาดำเนินการให้เสร็จภายใน 60 วัน คือ 29 ธ.ค. หากไม่ทัน ก็ต่อเวลาได้อีก 30 วัน แต่จากการดำเนินงานดังกล่าว ปรากฏว่า รถ 99% ประสบปัญหากับไฟแนนซ์ เพราะรถเปลี่ยนประเภทจากบุคคล เป็นสาธารณะ อัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าเดิม 1-3% ส่วนต่างตรงนี้ คนขับรถตู้ต้องหาไปจ่ายกับไฟแนนซ์ก้อนเดียว เพื่อจะนำเล่มทะเบียนจริงที่อยู่กับไฟแนนซ์มาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทรถ ดังนั้น ทางรัฐบาลจึงได้เชิญศูนย์ดำรงธรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กำกับการประกอบกิจการ มาร่วมพูดคุยหาทางออก โดยมีการตกลงเป็นรายๆ ไป ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็คืออาจจะให้ผ่อนชำระ นอกจากนี้ ยังมีการขยายเวลาการจดทะเบียนไปถึง 31 มกราคม

ดังนั้น หลังวันที่ 1 ก.พ.57 รถที่วิ่งจะต้องเป็นป้ายเหลืองทั้งหมด โดยจะบังคับใช้กฎหมาย ส่วนที่มีบางกลุ่มร้องเรียนว่า ตอนปี 53 มีการจัดระเบียบเช่นกัน แต่ไม่ได้คิดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ทางกลุ่มไฟแนนซ์ ก็ยืนยันเช่นกันว่ามีการดำเนินงานลักษณะนี้มานานเป็นสิบปีแล้ว หากลดอัตราดอกเบี้ย ก็จะไม่เป็นธรรมกับผู้ที่เสียอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว และอาจจะทำให้ระบบเสียหาย

...


จัดแถวมาเฟีย ล้างบางหัวหน้าวิน ชงตั้งคณะกรรมการวิน

พ.อ.เฉลิมพล กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา เรามีการพูดคุยกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อนุสาวรีย์ฯ หลายราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยน แม้บางส่วนจะไม่หยุด เราก็จะเชิญมาพูดคุย บางวิน เรียกเก็บเงิน เราก็เชิญตัวมา เพราะจุดกำเนิดของวินรถตู้ มาจากผู้มีอิทธิพล แต่เมื่อรัฐมีการจัดระเบียบ ให้มีการเดินรถกับ บขส. หรือ ขสมก. มีการทำสัญญาเป็นรายคัน เมื่อมีการทำสัญญาแล้วก็ต้องอยู่ภายใต้การกำกับของ บขส. หรือ ขสมก. เจ้าของวิน หรือผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินรถ ดังนั้น จึงได้บอกกับคนขับรถว่า หากมีการยอมรับเจ้าของวิน ก็แสดงว่ายอมรับให้มีนอกระบบ ขณะนี้กำลังหารือกัน โดยจะให้เจ้าของรถมาเลือกคนเป็นคณะกรรมการวิน

เสนอแนวทางแก้ไข ดึงเข้าระบบให้ถูกต้อง  

ทั้งนี้ ขสมก. และ บขส. กำลังพูดคุยเรื่องรูปแบบ เท่าที่คุยเบื้องต้น คณะกรรมการดังกล่าว จะมีอายุงาน 1 ปี มีหน้าที่ประสานงานกับ บขส. เรื่องตารางเดินรถ อำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ หากต้องการเช่าที่ คณะกรรมการต้องไปทำสัญญาเช่า ส่วนนี้จะทำให้ปัญหาหมดไปได้ เพราะ บขส. หรือ ขสมก. เอง บอกว่าหากจะให้ควบคุมก็จะมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น รถที่เข้าร่วมจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ถ้าเป็น ขสมก. เดือนละ 1,070 บาท รวมภาษี ถ้าเป็น บขส. รถจะวิ่ง 1 ครั้ง จะต้องเสียเงิน 1 ใน 3 ของราคาตั๋ว 1 ที่นั่ง ซึ่งเงินรายได้ จะนำมาใช้ในการจัดระเบียบ

รอง ผบ.พล.ม.2 รอ. กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราทำเหมือนกับการแก้ปัญหารายวัน วินใด มีเรื่องร้องเรียน เราก็ช่วยแก้ปัญหา ดังนั้น แนวทางแก้ปัญหาทางหนึ่ง ก็คือ ให้แต่ละวิน ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่ในทางปฏิบัติ อาจจะให้ลูกวินเซ็นรับทราบ เมื่อมีการร้องเรียน เราเชิญหัวหน้าวินมา บางคนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เราก็ใช้อำนาจกฎอัยการศึกควบคุมตัว แต่สิ่งที่จะเกิดความชัดเจนได้ คือ คณะกรรมการวิน เพื่อนำเจ้าของวินออกจากระบบ แต่บางวิน เมื่อเราเชิญตัวหัวหน้าวินมาแล้ว ปรากฏว่าลูกวินไม่สามารถบริหารงานต่อได้ เพราะเขาเป็นคนเช่าที่ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เหมือนกับตกเป็นทาสเขา เราก็เอาตัวเขามาไม่ได้"

"การให้เขามาขึ้นทะเบียนป้ายเหลืองครั้งนี้ เพื่อเป็นการเยียวยาเท่านั้น เพื่อให้มีโอกาสวิ่งครบ 10 ปี หากเขาวิ่งรถมาแล้ว 4 ปี เขาจะสามารถวิ่งได้อีก 6 ปีเท่านั้น เมื่อวิ่งครบแล้วก็เลิกสัญญาต่อกันเลย ดังนั้น ป้ายทะเบียนรถที่เขาต่อจึงไม่มีมูลค่าเหมือนสมัย ท่านโสภณ เมื่อรับแล้วเหมือนใบอนุญาต สามารถเอารถป้ายไปขายได้ แต่ตรงนี้ทำไม่ได้" 

ส่วย 2% ของรายได้คนขับ 1 คน  

ส่วนเรื่องส่วย ที่ผู้มีอิทธิพลได้รับนั้น พ.อ.เฉลิมพล เผยว่า ถ้าคิดมูลค่าต่อคนขับรถ 1 คน นั้น คาดว่าประมาณ 2% ของรายได้ อาทิ คนขับรถกรุงเทพ-สระบุรี มีรายได้ต่อเดือน 57,000 บาท 1 วิน มีรถ 30 คัน อาจจะต้องเสียค่าเปิดเส้นทาง เส้นทางละ 2 หมื่นบาท 30 คัน ก็จะเสียเงินค่าส่วยคันละ ประมาณ 800-1,000 บาท อย่างไรก็ตาม เงินตรงนี้เจ้าของรถตู้จะรู้สึกยินดีจ่ายเพราะเหมือนกับเขาจะได้สิทธิพิเศษที่สามารถทำผิดข้อบังคับได้บ้าง ซึ่งตรงนี้เขาจะใช้คำว่า "ค่าปรับเหมา" โดยหัวหน้าวินจะรับผิดชอบไป 

ยืนในรถตู้ สะท้อนมาตรฐานชีวิตคนไทย

เมื่อถามกรณี คลิปผู้โดยสารยืนในรถตู้ รอง ผบ.พล.ม.2 รอ. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน หน้าที่คือต้องเดินหน้าจัดบริการให้เพียงพอ เหมาะสม หากประชาชนมองว่าหากไม่ขึ้นก็ไปไม่ทัน สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเสียงสะท้อนของมาตรฐานคุณภาพชีวิตคนไทย หากคนไทยยังขึ้นรถตู้ที่เกินที่นั่ง ไม่มีเข็มขัดนิรภัย แสดงว่าพวกเราไม่มีทางออก น่าเห็นใจ เพราะเขาอาจจะไม่มีทางเลือก ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ทหาร บขส. ขสมก. ต้องมีข้อมูลเหล่านี้ แต่ปัจจุบัน เริ่มดีขึ้นมาก เพราะเราเป็นศูนย์ร้องเรียน ส่วนเรื่องร้องเรียนสูงสุด คือ มารยาทคนขับ และความเดือดร้อนของเจ้าของรถตู้

แผนในอนาคต ทำโครงข่ายคมนาคม 

ในอนาคตเราต้องสร้างสถานีขนส่งให้เป็นโครงข่ายคมนาคม หากหมอชิต เอกมัย สายใต้ รองรับได้ดี เขาก็ไม่มาอนุสาวรีย์ฯ ส่วนเรื่องความพร้อมคงต้องใช้ระยะเวลา เบื้องต้น ทราบว่าทาง บขส. ได้เตรียมพื้นที่ไว้แล้ว โดยขยับออกไปทางรังสิต แต่ที่สายใต้มีความพร้อมแล้ว โดยวินที่วิ่งไปทางสายใต้ จะต้องไปรวมที่สายใต้ ในวันที่ 1 ก.พ. ส่วนที่อยู่อนุสาวรีย์ฯ จะไม่มีเพิ่ม 126 วินก็พอแล้ว ตอนนี้เป็นการอนุโลมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเท่านั้น 

ตรวจยาเสพติด เช็กสภาพรถ-คนขับ พร้อมรับคนกลับบ้านปีใหม่

พ.อ.เฉลิมพล กล่าวมาตรการลดอุบัติเหตุว่า ได้รับความร่วมมือร่วมกันจากหลายฝ่าย อาทิ กรมการขนส่ง ป.ป.ส. ตำรวจ หรือแม้แต่เอกชน โดยจะจัดกิจกรรมร่วมกันภายใต้ชื่อ "คืนความสุขให้ประชาชน และรถตู้สาธารณะ" วันที่ 26-29 ธ.ค. ทางโตโยต้า ให้การสนับสนุน เพราะรถตู้ส่วนใหญ่เป็นของโตโยต้า จะจัดบริการเช็กสภาพรถฟรี ใช้สถานที่ ที่แอร์พอร์ตลิงก์ คิดว่า 1 วัน ตรวจได้ 400 คัน วันที่ 29-30 ธ.ค. จะมีการตรวจความปลอดภัยในที่ต่างๆ โดย ป.ป.ส. ตรวจสารเสพติดคนขับ กรมการขนส่งทางบก จะตรวจสภาพรถด้านความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง หากตรวจแล้วก็จะมีใบผ่านการตรวจให้ ขากลับ น่าจะเริ่มกลับ 3-4 ม.ค. ก็จะมีการตรวจลักษณะคล้ายกันในปลายทาง ทั้งนี้ ในวันที่ 29 ธ.ค. จะมีการจัดกิจกรรมที่เกาะพญาไท โดยมีการแสดงดนตรี จัดกิจกรรม แจกอาหาร มี รพ.พระมงกุฎ มาตรวจโรคให้ พม. มาออกบูธซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า

"ข้อกำหนด รถตู้มีข้อกำหนดวิ่งระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร /วัน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน รถตู้แต่ละวินมีการเพิ่มปริมาณรถให้บริการมากขึ้น ทำให้การวิ่งควงกะลดลง ส่วนเรื่องความเร็วนั้น เชื่อว่าในช่วงเทศกาลจะวิ่งด้วยความเร็วสูงไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะมีการควบคุมดูแลจากเจ้าหน้าที่ และด้วยปริมาณรถที่มาก จึงอาจทำได้ยาก ทั้งนี้ อุบัติเหตุคือตัวชี้วัดการจัดระเบียบรถตู้ ซึ่งที่ผ่านมา ตัวเลขอุบัติเหตุรถตู้ลดลง ก็แสดงว่าเราสามารถควบคุมดูแลได้มากขึ้น" 

นี่คือมาตรการทั้งหมดในการจัดระเบียบรถตู้ของรัฐบาล และ คสช. เพื่อหวังยกระดับการคมนาคมให้มีมาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น เนื่องจากทุกปี มีประชาชนเสียชีวิตบนท้องถนนจำนวนมาก หากสามารถลดตัวเลขดังกล่าวได้ ก็จะเป็นผลดีกับทุกคน 

อ่านเพิ่มเติม 

รถตู้ สะดวกแลกเสี่ยง!? EP2.ซิ่ง ส่วย เสื่อม! งัดปาก ค้นความลับคนขับรถตู้

รถตู้ สะดวกแลกเสี่ยง EP.3 เปิดบทลงโทษเข้ม รับ-ส่งไร้ระเบียบ!