เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ทนทุกข์ทรมานด้วยอาการสมองไหลออกมาอยู่นอกหัว ก้อนเท่าลูกมะพร้าว ผ่าตัดแล้วเกิดสมองบวมน้ำ ต้องใส่ชั้นระบายน้ำไปตลอดชีวิต ต้องพบแพทย์ทุก 3-5 เดือน วอนผู้ใจบุญช่วยอุปการะ...

วันที่ 24 ธ.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี เด็กหญิงชนันทิดา ทองคำดี หรือ "น้องพราว" ซึ่งขณะอายุได้เพียง 3 เดือน ป่วยมีอาการมันสมองไหลออกมาจากด้านหลังศีรษะจนเป็นก้อนโต ต้องทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เกิด หลังผ่าตัดอาการก็ยังไม่ดีขึ้น น้ำในสมองยังไหลออกมา โดยมี นายจรูญวิทย์ ทองคำดี อายุ 49 ปี กับนางนิชาพา หิรัญวัน อายุ 36 ปี ตากับยายเป็นผู้ดูแลเลี้ยงดู ส่วนพ่อได้เลิกรากับแม่ของเด็กแล้ว ซึ่งแม่เด็กทำงานรับจ้างขายสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ไม่มีเวลา และก็ไม่มารับผิดชอบดูแล นานๆ ครั้งถึงจะแวะมาเยี่ยมเท่านั้น ปล่อยให้ตายายดูแลเพียงลำพัง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงสายวันนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 15 บ้านน้อย ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเปิดเป็นอู่ซ่อมและต่อรถอีแต๋น รถบรรทุกการเกษตร ได้พบกับ นายจรูญวิทย์ และนางนิชาพา ตากับยายของเด็ก โดยเปิดเผยว่า น้องพราว ขณะนี้มีอายุได้ 3 ขวบ 2 เดือน ตอนนี้มีพัฒนาการของเด็กช้า ยังพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ แต่ลุกนั่งเองได้ ส่วนการกินอาหารไม่ยอมกินข้าว โดยเฉพาะอาหารที่ต้องเคี้ยวก็ไม่ยอมเคี้ยว ยังไม่ได้เรียนหนังสือ

ขณะเดียวกัน เงินที่ทางส่วนราชการ ทั้งนายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.นครราชสีมา, กาชาดจังหวัด, พัฒนาสังคมจังหวัด และ ส.จ. นำมามอบไว้เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว รวมกว่า 1 หมื่นบาท เพื่อรักษาเด็กในการเดินทางไปพบแพทย์ที่ รพ.มหาราชฯ, ค่านมเดือนละ 5-6 พันบาทแล้ว ยังมีค่าแพมเพิร์ส ก็หมดไปแล้ว ตนจึงอยากวิงวอนผู้ใจบุญให้ช่วยเหลือ เมตตาสงสารน้องพราวด้วย หากผู้ใจบุญมีจิตใจเป็นกุศล สามารถบริจาคช่วยเหลือได้ ในชื่อบัญชี นายจรูญวิทย์ ทองคำดี ธนาคารกรุงเทพ สาขาพิมาย บัญชีออมทรัพย์ หมายเลขบัญชี 3-564-036-071 และติดต่อได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 089-8651533

...

นายจรูญวิทย์ กล่าวว่า สำหรับเนื้อที่ปูดออกมา ที่แพทย์ตัดออกไปแล้ว จริงๆ ไม่ใช่ก้อนเนื้อ แต่เป็นสมองที่ไหลออกมาอยู่ข้างนอกด้านหลังศีรษะบริเวณท้ายทอย ซึ่งตอนแรกเป็นเพียงก้อนเล็กๆ เท่าลูกมะนาว ต่อมาเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ จนเท่าหัวของเด็ก หรือเท่าลูกมะพร้าว ซึ่งเป็นก้อนใหญ่มาก ทางแพทย์ รพ.มหาราชฯ เห็นว่าต้องทำการผ่าตัดออก ซึ่งตอนนั้นการผ่าตัด โอกาสรอดแค่ 50/50 เพราะถ้าไม่ผ่า แล้วเกิดแตกเอง จะทำให้น้องเสียชีวิตได้ ซึ่งสมองที่ไหลออกมากองรวมกัน เหมือนกับเนื้อหุ้มสมองบางๆ พอตัดออกจะมีรูเล็กๆ แพทย์ก็ทำการเย็บปิดรูบริเวณท้ายทอยให้

ทั้งนี้ หลังผ่าตัดได้ 3-4 วัน ปรากฏว่าเกิดอาการสมองบวมน้ำอีก ต้องผ่าระบายน้ำในสมองออก จากนั้นต้องใส่ชั้นระบายน้ำเพื่อระบายลงไปยังท่อปัสสาวะ และปรากฏว่าติดเชื้อเข้าไปอีกต้องนอน รพ.มหาราชฯ กว่า 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นช่วงที่เป็นรอบแรก แต่พอกลับบ้านก็ติดเชื้อซ้ำอีก และต้องกลับเข้า รพ. ใส่ชั้นระบายน้ำใหม่ โดยฝังไว้ที่สมองอีกครั้ง และจะต้องใส่อยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต ซึ่งต้องไปพบแพทย์ทุกๆ 3-5 เดือน เพราะถ้าไม่ใส่ หรือไม่เปลี่ยนชั้นระบายน้ำในสมอง ก็จะไม่มีที่ระบายน้ำ และสมองก็จะบวม ซึ่งค่าใช้จ่ายในการพา "น้องพราว" เดินทางไปพบแพทย์แต่ละครั้งก็ลำบาก ฐานะก็ยากจน แต่เราจะพยายามสู้ แม้ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม และจะดูแลเลี้ยงน้องไปจนกว่าจะหมดแรง หมดลม หรือจนกว่าเขาจะโต.