ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัดทางภาคใต้ เตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (22 ธ.ค.57) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดพัทลุง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จนส่งผลให้น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและถนนสายสำคัญๆ ในท้องที่ 6 อำเภอ มี อ.ศรีนครินทร์ อ.ควนขนุน อ.ศรีบรรพต อ.เขาชัยสน อ.ตะโหมด และ อ.เมืองพัทลุง ระดับน้ำท่วมสูงอย่างต่อเนื่อง อยู่ในท้องที่หมู่ 5, 8, 9 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน สาเหตุมาจากน้ำป่าจากเขื่อนท่าแนะ เขาปู่ อ.ศรีบรรพต ไหลมาท่วมขัง ทำให้ระดับน้ำทั้ง 3 หมู่บ้าน มีระดับน้ำสูงถึงประมาณ 70 ซม. - 1 เมตร
นอกจากนี้ น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดยังพัดกำแพงบ้านเรือนราษฎร ในท้องที่ ม.5 ต.ชะมวง พังเสียหายหลายหลังคาเรือน ส่วนถนนสายควนขนุน – ศรีบรรพต ท้องที่ ม.9 ต.ชะมวง น้ำท่วมถนนสูงประมาณ 80 ซม. – 1 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทางทหารค่าย ช.401 ค่ายอภัยบริรักษ์ ได้เข้าไปช่วยเหลือราษฎรโดยนำกระสอบทรายไปวางกั้น ในส่วนของบริเวณวัดปรางหมู่นอก ท้องที่ ม.7 ต.ปรางหมู่ อ.เมืองพัทลุง ได้เกิดน้ำท่วมในบริเวณวัดดังกล่าว ทำให้งานฌาปนกิจศพเป็นไปด้วยความลำบาก
สำหรับในพื้นที่หมู่ 9, 10 ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุง บ้านเรือนของชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือน ถูกน้ำท่วมยาวนานมากว่า 2 สัปดาห์ หลังจากที่ฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ดังกล่าวสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่โรงเรียนวัดนิโครธาราม ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง มีน้ำท่วมเช่นกัน ทำให้เด็กนักเรียนต้องเดินลุยน้ำภายในโรงเรียนเพื่อไปเรียนหนังสือ และยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
...
ส่วน จ.นราธิวาส ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังคงมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่องครอบคลุมทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรยังคงที่ จุดที่หนักสุดอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก โดยระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก ขณะนี้สูงกว่าตลิ่ง 1.89 เมตร และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การระบายลงสู่ทะเลด้าน อ.ตากใบ ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากช่วงนี้มีน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับเกิดภาวะฝนตกหนัก
สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พล.ต.นพวงศ์ สุรวิชัย รองแม่ทัพภาค 4 ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ประสบภัยที่อพยพจากพื้นที่ 8 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จำนวน 88 ครัวเรือน รวม 373 คน ที่มาอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล 4 พร้อมทั้งได้นำข้าวสารอาหารแห้งจำนวนหนึ่งมาเยี่ยมปลอบขวัญ
ส่วน จ.ยะลา ฝนลงมาอย่างหนักระลอก 2 ตั้งแต่คืนวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่เขตเมืองยะลา วัดปริมาณน้ำฝนได้ 110.94 มม. ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม จ.ยะลา แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่ม เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ของ จ.ยะลา ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี มีระดับที่เพิ่มสูงขึ้น ยังคงมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ และมีปริมาณที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ บริเวณบ้านกำปั่น หมู่ 6 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา ระดับน้ำยังท่วมขังบ้านเรือนของชาวบ้าน สูง 1 เมตร บ้านเรือนชั้นเดียวเหลือแต่หลังคา ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจรเพื่อเข้าบ้านเรือนของตนเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 อ.เมืองยะลา ได้นำรถ 6 ล้อขนาดใหญ่ เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.ท่าสาป ได้ลงพื้นที่สำรวจน้ำท่วม พร้อมมอบยาสามัญประจำบ้านให้กับชาวบ้าน เบื้องต้นพบชาวบ้านในพื้นที่ 140 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานของจังหวัดยะลา ได้เร่งระดมให้ความช่วยเหลืออยู่
ส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ระทมอีกรอบ เกิดคลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนท่วมบ้านเรือนราษฎรนับร้อยหลัง 4 อำเภอต้องอพยพหนีน้ำวุ่น หลังเกิดคลื่นลมแรงในท้องทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่ อ.ขนอม อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร ทำให้คลื่นซัดกัดเซาะชายฝั่งทะเลเป็นแนวยาว ทำให้ราษฎรที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเลต้องอพยพหลบหนี คลื่นลมแรงกันชุลมุนในช่วงเช้า ความสูงของคลื่นประมาณ 3-4 เมตร ในขณะเดียวกัน ได้เกิดน้ำทะเลหนุน เข้าท่วมถนนหลายสาย จนรถไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ และท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่หลายหมู่บ้านใน อ.ท่าศาลา, ต.ท่าซัก ต.ปากนคร, ต.บางจาก อ.เมือง โดยเฉพาะบริเวณสะพานตัวที ระดับน้ำทะเลหนุนท่วมสูงประมาณ 30-50 ซม. ล่าสุด นายพีระศักดิ หินเมืองเก่า ผวจ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ จนท.ปภ.และทหาร ทภ.4 ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือราษฎร ที่ประสบภัยน้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุนเป็นการด่วนแล้ว
ส่วนหมู่บ้านแหลมตะลุมพุก ต.แหลมตะลุมพุก และหลายพื้นที่ของ อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร เกิดน้ำทะเลหนุนสูงเข้าท่วมถนนหลายสาย ในหมู่บ้านจนรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ และน้ำทะเลหนุนยังไหล่บ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ที่อยู่ริมทะเลอีกหลายสิบครัวเรือน ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพหนีน้ำทะเลหนุนอย่างชุลมุน ซึ่งได้มีจนท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปช่วยเหลือราษฎรแล้ว
...