ด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา สกัดจับแก๊งขนตัวนิ่ม สัตว์ป่าหายาก รวมทั้งหมด 67 ตัว มูลค่ากว่า 1 ล้าน 3 แสนบาท หลังซุกเก๋งลักลอบเข้าเมือง...
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ธ.ค.57 นายกรีชา เกิดศรีพันธ์ นายด่านศุลกากร สั่งการให้ นายชวลิต จิระชนากุล หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร พร้อมเจ้านายวิจิตร ตันติยะวุฒิ หัวหน้าชุดผลัด 1 ประจำจุดตรวจขาเข้า พร้อมเจ้าหน้าที่ด่านกักสัตว์และพันธุ์พืช หลังจากที่ฝ่ายสืบสวนได้รับรายานงานว่าจะมีการลักลอบขนตัวนิ่ม ซึ่งเป็นป่าสัตว์หายาก และอยู่ในบัญชีคุ้มครองสัตว์ป่า เข้ามาในราชอาณาจักร โดยจะใช้เส้นทางขาเข้า ด่านศุลกากรสะเดา แต่มีการตบตาเจ้าหน้าที่ให้ช่วยกันเข้มงวดด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ พบรถต้องสงสัยจำนวนหลายคันขับผ่านด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นแต่ไม่พบของผิดกฎหมาย ต่อมามีรถเก๋งนั่งขนาดเล็กยี่ห้อ โปรดูวา 1000 ซีซี หมายเลขทะเบียนป้ายมาเลเซีย PJV 1702 คนขับแต่งชุดพนักงานห้างสินค้าปลอดภาษีซึ่งอยู่ติดชายแดนไทย ขับผ่านมาระหว่างเขตแดนโดยแสดงความคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่โดยการโบกไม้โบกมือ แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่สนใจและเห็นผิดสังเกต จึงเดินไปขอตรวจค้น คนขับเห็นท่าไม่ดีจึงทิ้งรถหลบหนีวิ่งกลับเข้าประเทศมาเลเซีย เลี้ยวกลับก็ไม่ได้เนื่องจากรถติดขัดมาก ตรวจสอบพบตัวนิ่มตัวขนาดใหญ่ใส่ถุงตาข่ายสีฟ้าอยู่ด้านหลังคนขับและซ่องเก็บของกระโปรงหลัง รวมทั้งหมด 67 ตัว มูลค่าในต่างประเทศกว่า 1 ล้าน 3 แสนบาท
...
ด้าน นายชวลิต จิระชนากุล เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร กล่าวว่า การค้าสัตว์ป่าหายากเพื่อการบริโภค ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสินค้าเหล่านี้เป็นที่ต้องการในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศจีนและเวียดนาม เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นยาเสริมพลังทางเพศ ราคาที่เมืองไทยหรือประเทศมาเลเซียตัวละ 1,000-2,000 หากมีการลักลอบนำไปประเทศจีนตกตัวละ 20,000 บาทเป็นอย่างต่ำ ซึ่งด่านศุลกากรสะเดาได้มีการเข้มงวดจับกุมอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยอยู่ในภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือเรียกโดยย่อว่า ไซเตส (CITES) และเป็นที่รู้จักในชื่อ อนุสัญญากรุงวอชิงตัน เป็นสนธิสัญญาซึ่งเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 เป็นต้นมา