ผบช.ภ.1 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาโหดฆ่าข่มขืน-ชิงทรัพย์สาวใหญ่ ที่สระบุรี สืบประวัติก่อคดีเพียบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. 57 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง ผบช. พล.ต.ต.ชลิต ปรีชาหาญ ผบก.ภ.จ.สระบุรี ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายสมคิด ช้อยวิเชียร หรือแม็ก อายุ 19 ปี พร้อมของกลาง อาวุธมีดปลายแหลมความยาวประมาณ 22 นิ้ว รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว-ดำ ทะเบียน กลฉ 490 สระบุรี โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พระเครื่อง 1 องค์ เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ในการก่อเหตุ ในข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิด เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้บนภูเขา หลังบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 10 ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
ด้าน พล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 02.30 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุ ข่มขืน และฆ่าชิงทรัพย์ เหตุเกิดบริเวณป่าหญ้า ริมถนนสายกุดนกเปล้า หมู่ 3 ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง จ.สระบุรี จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต นางรุ่งรัตน์ ภูสุรินทร์ อายุ 48 ปี ชาวบ้าน ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ทำงานเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดตามลำตัว จำนวน 5 แผล จนเสียชีวิต มีร่องรอยการถูกข่มขืน ทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตได้หายไปด้วย หลังเกิดเหตุเร่งสั่งการให้ พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผกก.สส.กก.2 ภ.1 พ.ต.ท.ไพโรจน์ ตรีโสภณ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสระบุรี สืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว หากล่าช้าคนร้ายอาจจะลงมือก่อเหตุอีกได้
...
กระทั่งสืบทราบว่า คนร้ายคือ นายสมคิด หรือแม็ก ช้อยวิเชียร อายุ 19 ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อตำรวจเดินทางไปถึง พบบ้านกระท่อม ก่อนเข้าตรวจค้นนายสมคิด เกิดไหวตัวทัน หลบหนีขึ้นไปบนภูเขาหลังบ้าน ตำรวจจึงได้กระจายกำลังปิดล้อม ก่อนจะประสานไปยัง พล.ต.อดิศรย์ โครพ ผบ.จทบ.สระบุรี เพื่อสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อปิดล้อมพื้นที่ทั้งหมดและระดมกำลังออกติดตามตัว จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายสมคิด ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นภายในบ้านพัก พบโทรศัพท์มือถือและพระเครื่อง ซึ่งเป็นของนางรุ่งรัตน์ ผู้ตาย ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และยังได้ตรวจยึดของกลางต่างๆ ที่ใช้ในการกระทำความผิด
จากการสอบสวนนายสมคิด ทราบว่า ในวันเกิดเหตุ นายสมคิดได้ไปดักซุ่ม เพื่อรอก่อเหตุชิงทรัพย์ของชาวบ้านที่ผ่านสัญจรไปมา และเลือกบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเปลี่ยว ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง พร้อมสารภาพว่าลงมือก่อเหตุมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ผู้เสียหายรายอื่นๆ ขับรถหลบหนีได้ทัน จนรายที่ 3 เห็นผู้ตาย ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านมา จึงได้ขี่รถจักรยานยต์ตามไปประกบ แต่กลัวว่าเหยื่อจะหลบหนีได้อีก จึงใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของ นางรุ่งรัตน์ ผู้เสียชีวิตจนเสียหลัก ล้มลงไปข้างทาง จนนางรุ่งรัตน์ ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถขยับคอหรือร้องขอความช่วยเหลือได้ หลังเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินได้เงินสด 30 บาท พระเครื่อง โทรศัพท์มือถือ และบัตรเอทีเอ็ม
หลังจากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์นำบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเงิน เพราะ นางรุ่งรัตน์ ได้จดรหัสไว้ที่บัตร แต่เมื่อไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มไม่สามารถกดได้เนื่องจากในบัญชีมีเงินเพียง 30 บาท จึงย้อนกลับมาหานางรุ่งรัตน์ที่นอนบาดเจ็บอยู่ และลงมือข่มขืน แต่ระหว่างที่กำลังข่มขืนอยู่นั้น นางรุ่งรัตน์ ได้ใช้เท้าถีบนายสมคิด ทำให้เกิดความโมโห แต่ก็ยังข่มขืนต่อจนสำเร็จความใคร่ หลังจากเสร็จกิจกามแล้ว ด้วยอารมณ์โมโหที่ยังมีอยู่ จึงใช้มีดกระหน่ำแทงเข้าที่ลำตัวหลายครั้งจนเสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไป และถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้
จากการตรวจสอบประวัตินายสมคิด พบว่า เคยก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ ปี 2555 ตอนอายุ 16 ปี ถูกจับกุมส่งตัวเข้าสถานพินิจได้ 2 ปี ก่อนจะหลบหนีออกมาประมาณ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และก่อเหตุซ้ำอีก ทั้งนี้ ขอฝากเตือนประชาชนว่าอย่าเขียนรหัสเอทีเอ็มไว้หลังบัตร ในกรณีของนาย สมคิด เมื่อได้บัตรมาแล้วพบว่ามีการเขียนรหัสไว้หลังบัตร จึงนำบัตรไปกดเงิน นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ใน บช.ภ 1 ตรวจสอบตามพื้นที่ที่เปลี่ยว มีแสงไฟส่องสว่างน้อย เสี่ยงต่อการเกิดเหตุอาชญากรรมได้ง่าย และจะประสานไปยังหน่วยงานเทศบาล อบจ. อบต. ที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้เพิ่มแสงไฟ และตัดกิ่งไม้ ไม่ให้เป็นพื้นที่เปลี่ยวให้คนร้ายมาลงมือก่อเหตุได้ พล.ต.ท.อำนวย กล่าว