ชาวสวนยางพาราน้ำตาตกใน ถึงที่สุดแล้วต้องโค่นต้นยางแล้วขายไม้ เพราะมองไม่เห็นอนาคต แม้ว่าจะสร้างทำกันมาถึง30ปี และที่ผ่านมา ไม่เคยคิดจะไปปลูกพืชผลอย่างอื่น
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมปอง หนูเนื่อง นายก อบต.เขาวิเศษ อ.เขาวิเศษ จ.ตรัง ว่า สืบเนื่องจากยางพารามีราคาตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางพารา และเจ้าของสวนหลายรายในพื้นที่ใน อ.เขาวิเศษ ตัดสินใจตัดต้นยางพาราเพื่อขายไม้ เพราะไม่สามารถทนต่อสภาวะเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากราคายางพาราในปัจจุบันได้
ทั้งนี้ จากการที่ได้พูดคุยกับ นายจรูญ ชุมแสงศรี อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 ต.เขาวิเศษ อ.เขาวิเศษ เจ้าของสวนยาง บอกว่า ได้ตัดสินใจโค่นต้นยางพาราเพื่อจะขายไม้ยาง โดยตนปลูกยางพาราในเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ต้นยางมีอายุประมาณ 25 ปีแล้ว แต่เนื่องจากราคายางพาราที่ตกต่ำ น้ำยางขายได้เพียง 33-34 บาทต่อกิโลกรัม เฉลี่ย 3 กิโลกรัม 100 บาท ขณะที่สินค้าอย่างอื่นมีราคาแพง ทำให้ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ เกิดหนี้สินตามมา จึงต้องตัดสินใจขายไม้ยางเพื่อนำมาใช้เป็นทุนในการปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน
...
นายจรูญ กล่าวต่อว่า ตนได้พิจารณาแล้วเห็นว่า หากยังดึงดันจะกรีดยางพาราต่อไปก็มีแต่จะขาดทุนลงไปทุกขณะ เพราะคาดว่า ในต้นปีหน้า ราคาน้ำยางพาราก็จะลดลงอีก ส่วนราคาไม้ยางก็น่าจะลดลงตามไปด้วย โดยขณะนี้ราคาไม้ยางอยู่ที่ กิโลกรัมละ 2.20 บาท คาดว่าน่าจะได้เงินจากการขายไม้ยางพาราประมาณ 40,000 บาทต่อไร่ เปรียบเทียบกับตอนที่ยางพารายังมีราคาสูง ผู้ประกอบการรับซื้อไม้ยางพารา มาขอซื้อในราคา 70,000 บาทต่อไร่ ราคาต่างกับเกือบเท่าตัว แต่ถ้าปล่อยไว้ราคาก็จะลดลงไปเรื่อยๆ จึงตัดสินใจขายไม้ยางไปในตอนนี้ ซึ่งน่าจะดีกว่า
"ตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนไปปลูกปาล์มน้ำมัน เพราะขายได้ราคาดี ราคารับซื้อที่กิโลกรัมละประมาณ 4-5 บาท จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกบ้านจึงทราบว่า มีลูกบ้านอีกหลายรายที่มีความคิดเหมือนกัน คือตัดสินใจจะขายไม้ยางพารา เพื่อเก็บเงินเป็นทุนในการปลูกพืชชนิดอื่นแทน เพราะไม่สามารถสู้กับราคายางพาราในปัจจุบันได้อีกต่อไป" นายจรูญ กล่าว
ด้าน นายณรงค์ ชุมแสงศรี อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.6 ต.เขาวิเศษ อ.เขาวิเศษ จ.ตรัง น้องชายของผู้ใหญ่จรูญ เผยว่า ตนมีสวนยางอยู่ประมาณ 18 ไร่ ปลูกมาประมาณ 30 ปีแล้ว และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นเลย เพราะถือว่า ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจของคนใต้ อีกทั้งมีความสำคัญกับคนตรังด้วย แต่นับจากราคายางพาราตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขาดทุนเรื่อยมา จึงตัดสินใจไม่ทำสวนยางพาราอีกต่อไป และได้ขายไม้ยางพาราเพื่อนำเงินที่ขายได้ไปเป็นทุนในการปลูกพืชอื่นต่อ ประเมินแล้วน่าจะได้ค่าไม้ประมาณ 600,000-700,000 บาท