ถือศีลปฏิบัติธรรม พระที่วัดประดู่แจง ประวุฒิปัดล้างบาง 250ตํารวจในบช.ก.
“ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี” เก็บตัวเงียบที่บ้าน อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี เทศบาลรื้อป้อมตำรวจทิ้ง มีเพียงรถตำรวจนอกเครื่องแบบจอดสังเกตการณ์ ชาวบ้านระบุก่อนหน้า พ่อแม่เพิ่งจัดทำบุญนิมนต์พระ 9 รูปตักบาตรถวายทุกเช้า 9 วัน เจ้าอาวาสปฏิเสธท่านผู้หญิงโกนหัวบวช มีพระอีกวัดยืนยันแค่นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรม แจงคำหน้านาม “ท่านผู้หญิง” เนื่องจากได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้แก่สตรีผู้นั้นเป็นกรณีพิเศษ ด้านคดีเครือข่ายอดีต ผบช.ก. พนักงานสอบสวนจ่อเรียกสอบสะใภ้ ตระกูล “สุวะดี” อ้างเบื้องสูงประมูลเครื่องเสวย “พระที่นั่งอัมพร-วังศุโขทัย” ขณะที่ “ประวุฒิ” ปฏิเสธล้างบาง รอง ผบก.-สารวัตร 250 นายในสังกัดสอบสวนกลาง
ภายหลังจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ขอ พระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์แล้ว เป็นไปตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ณ วันที่ 11 ธันวาคม พุทธศักราช 2557 เผยแพร่ประกาศเล่ม 131 ตอนที่ 29 ข ซึ่งความทราบฝ่าละอองพระบาท และพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ต่อมา ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ตามที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้าฯ (ป.จ.) นับเป็นเกียรติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้แก่สตรีผู้นั้นก่อนหน้านี้ เดินทางไปทำบัตรประชาชนใหม่ที่สำนักงานเขตดุสิต ระบุชื่อในบัตรประชาชน น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี ใช้ที่อยู่เดิม อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี เพื่อตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายที่บ้านเกิด
...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 149 หมู่ 6 ต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี เป็นไปด้วยความเงียบเชียบ มีเพียงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจอดอยู่ 1 คัน เพื่อดูแลความเรียบร้อยอยู่รั้วด้านหน้า และมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลวัดเพลงกำลังเก็บเศษวัสดุที่ยังหลงเหลือหน้าบ้านสถานที่ตั้งของป้อมตำรวจเก่าที่เพิ่งถูกรื้อถอนออกไปตั้งแต่เมื่อ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีตำรวจประจำดูแลรักษาความปลอดภัยเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังพบว่าด้านข้างภายในซอยวัดประดู่มีประตูเชื่อมโยงกับอาคารอีกหลัง มีคนในบ้านเดินเข้าออก แต่ไร้เงาความเคลื่อนไหวของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์
จากการพูดคุยกับชาวบ้านทราบว่า ก่อนหน้า นายอภิรุจ สุวะดี และนางวันทนีย์ สุวะดี พ่อแม่ของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ นิมนต์พระสงฆ์จากวัดประดู่ พระอารามหลวง อ.วัดเพลง จำนวน 9 รูป ไปประกอบพิธีทำบุญตักบาตรและถวายภัตตาหารเช้าพระภายในบ้านทุกเช้าเป็นเวลา 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านที่สนิทใกล้ชิดครอบครัวสุวะดีเดินทางมาร่วมทำบุญด้วย พ่อและแม่ของท่านผู้หญิงยังเคยออกมาดูลิเกที่งานวัดปราโมทย์ละแวกบ้านอยู่เป็นประจำ ทั้งคู่เป็นคนติดดินไม่ลืมเพื่อนเก่าเจอหน้าก็พูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเอง ส่วนการกลับมาอยู่บ้านของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ที่ขอพระราชทานกราบ บังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ชาวบ้านทุกคนก็ยังรักและให้ความเคารพนับถือเหมือนเดิม ที่ผ่านมาท่านผู้หญิงก็วางตัวเหมาะสม ช่วยเหลือชาวบ้านมากมาย โดยเฉพาะโครงการสายใยรักจากแม่สู่ลูก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ออกมาจากบ้านเลยตั้งแต่กลับมา
พระครูศรีธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดแจ้งเจริญ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี เผยว่า มีข่าวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เดินทางมาบวชชีที่วัดไม่เป็นความจริง มีแต่นายอภิรุจบิดาของท่านผู้หญิงเท่านั้นที่เคยมาบวชพระที่วัดเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน เช่นเดียวกับพระวัดประดู่ที่เคยรับกิจนิมนต์รูปหนึ่งยืนยันว่า ข่าวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์โกนผมบวชชีตามโลกโซเชียลไม่เป็นความจริง ท่านผู้หญิงเพียงแต่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลปฏิบัติธรรม ไม่ได้บวชชีอย่างที่เป็นกระแสข่าว
ส่วนที่กระแสสังคมสงสัยทำไมระบุชื่อในบัตรประชาชนว่า “น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี” แทนจะระบุว่า ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ผู้สื่อข่าวรายงานได้รับคำชี้แจงเรื่องการใช้ “คำนำหน้านาม” จากสำนักราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า แม้ทรงมีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว แต่เนื่องด้วยท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้าฯ (ป.จ.) นับเป็นเกียรติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่สตรีผู้นั้นเป็นกรณีพิเศษ มิได้ขอพระราชทานโดยรัฐบาล และขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นคำนำหน้านามคือ “ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์” ส่วนการทำบัตรประชาชนที่ใช้คำนำหน้าว่า น.ส. ขึ้นอยู่กับแบบฟอร์มทางราชการและขึ้นอยู่กับเจ้าของบัตรจะแสดงความประสงค์กับเจ้าหน้าที่
ด้านการติดตามคดีการกระทำความผิดมาตรา 112 เครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.กับพวก มีรายงานว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. ฐานะดูแลงานกฎหมายและคดี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง รอง ผบก.น.5 เรียกพนักงานสอบสวน สน.สามเสน เร่งรัดสำนวนคดีพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูง ในนามคณะบุคคลน้ำทิพย์ อยู่ที่ 2/3 หมู่ 9 ถนนทวีวัฒนา แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กทม. ประมูลขายน้ำพริกประเภทต่างๆมี นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาร่วมกับ น.ส.ปาลิดา หลักเฉลิมพร อายุ 25 ปี แอบอ้างเบื้องสูงได้ประมูลเครื่องเสวย ในนามคณะบุคคลปณสุ ขายผักสด และผักต้ม ส่งพระที่นั่งอัมพรสถาน และวังศุโขทัย ภายหลังดำเนินคดีกับนางสุดาทิพย์ ตามมาตรา 112 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา
...
พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ตรวจสอบข้อมูลความเชื่อมโยงของ น.ส.ปาลิดาว่า มีความเชื่อมโยงกับเครือญาตินางสุดาทิพย์หรือไม่ ภายหลังสอบปากคำนางสุดาทิพย์แล้วยืนยันว่า น.ส.ปาลิดา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการจัดตั้งคณะบุคคลดังกล่าวขึ้นเพื่อประมูลเครื่องเสวยและขายผักสด ผักต้มแต่อย่างใด ถึงกระนั้นก็ตาม ทราบว่า น.ส.ปาลิดาเป็นภรรยาของนายสิทธิศักดิ์ หรือปื๊ด สุวะดี เครือญาตินางสุดาทิพย์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคดีแอบอ้างเบื้องสูงทวงหนี้ผู้เสียหาย 37 ล้านบาท ท้องที่ สน.พระโขนง คณะพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียก น.ส.ปาลิดา เข้าให้ปากคำกรณีดังกล่าวแล้วว่า เกี่ยวข้องอย่างไร
ส่วนกรณีคดีขออายัดตัวผู้ต้องหา 2 ราย แจ้งเพิ่มข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามความผิดมาตรา 112 คือ นายชากานต์ หรือยูริ ภาคภูมิ อายุ 34 ปี และนายณัฐพล หรือกอล์ฟ สุวะดี อายุ 29 ปี โดยนายชากานต์ หนังสือทั้งหมด 3 ฉบับ ลงชื่อโดยนายณัฐพล มายื่นที่คณะที่ศึกษาอยู่ แจ้งว่า มีภารกิจติดตามดูแลบุคคลสำคัญ ทำให้การยื่นหนังสือได้สิทธิ์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในการเข้าสอบไม่ต้องตกในวิชาที่เข้าเรียน นายณัฐพลให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว อยู่ระหว่างสรุปสำนวนคดีว่า นายณัฐพลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แม้ว่านายชากานต์ให้การรับสารภาพแล้ว แต่ต้องการตรวจสอบหลักฐานว่า มีการสมยอมให้นายชากานต์ให้ใช้ชื่อแอบอ้างในการกระทำผิดดังกล่าวหรือไม่
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนตรวจสอบกรณีส่วยน้ำมันเถื่อนเตรียมเรียก พ.ต.อ. นายหนึ่งสังกัดกองบังคับการตำรวจน้ำ บช.ก. มาสอบปากคำ หลังนายณรงค์กรณ์ หรือโจ เจียรเสริมสิน อายุ 41 ปี น้องชายเสี่ยโจ้ นายสหชัย เจียรเสริมสิน ผู้ต้องหาหนีคดีปลอมแปลงเอกสารและพัวพันจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อน ตำรวจตามล่าตัวจนมีการตั้งรางวัลนำจับไว้ 1 ล้านบาท ร้องขอความเป็นธรรมให้พี่ชายว่า ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องตามที่กล่าวหา รวมทั้งนำหลักฐานสำเนาการโอนเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง ฉบับลงวันที่ 21 พ.ย.51 23 ก.ย.52 และสลิปเอทีเอ็ม ลงวันที่ 27 ม.ค.55 รวมเป็นเงิน 110,000 บาท พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมดให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.นัดสอบปากคำ พ.ต.อ.สังกัดตำรวจน้ำเพิ่มเติม และนายณรงค์กรณ์ น้องชายนายสหชัย อีกครั้ง
...
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อ เท็จจริงกรณีเครือข่ายการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เป็นสำนวนคดีหลัก 5 สำนวน คือ สำนวนคดีทุจริตแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ สำนวนคดีการรับส่วยน้ำมันเถื่อน สำนวนคดีการบุกรุกป่าไม้ สำนวนคดีบ่อนการพนัน สำนวนคดีการฟอกเงิน ทั้งนี้ ทุกสำนวนคดีมีข้อหา การเรียกรับสินบน และข้อหาความผิดตามมาตรา 112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เชื่อมโยงอยู่ในการกระทำความผิดทั้งสิ้น
ที่ บช.ก. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รรท.ผบช.ก.ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.กับพวกว่า ในชั้นนี้รอผลสรุปการดำเนินการจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงของจเรตำรวจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายที่ถูกดำเนินคดีได้แก่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 บก.ปคบ. ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ บก.ป. เพื่อดำเนินการด้านวินัยและปกครอง
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนสำนวนสอบสวนเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นภายใน 10 วัน เพื่อสรุปสำนวนสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องการกระทำความผิด โดยได้แยกการดำเนินคดี สำนวนคดีที่เกี่ยวข้องสำนักงาน ปปง. และคดีที่เกี่ยวข้องกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการตรวจพิสูจน์ของกลางของผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร เพื่อสรุปจำนวนมูลค่าของกลางทรัพย์สิน ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวโยกย้ายตำรวจระดับรอง ผบก.ยัน สว.ใน บช.ก.ออกนอกหน่วย 250 นายจริงหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ในคำสั่งโยกย้ายระดับรอง ผบก.จนถึง สว. ในสอบสวนกลางจะมีการพิจารณาโยกย้ายเพื่อความเหมาะสม ไม่ได้โยกตำรวจออกถึง 250 นาย แต่เป็นการเปลี่ยนบางตำแหน่งที่มีความจำเป็น ไม่ใช่ย้ายล้างบางอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน
...