นอภ.เมืองกาญจน์ สนธิกำลังทหาร ตำรวจ ตั้งจุดสกัดจับรถตู้ 30 คัน วิ่งนอกเส้นทาง ขนแรงงานต่างด้าวชาวลาวปั๊มพาสปอร์ต ชายแดนด่านบ้านพุน้ำร้อน...
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พ.ท.สถาพร เตี๊ยะเพชรดี ผบ.ร.9 พัน.1 พ.ต.ต.อุทัย อินทรักษ์ สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.อ.อำพร มุสิกพันธ์ รอง สว.ตม.กาญจนบุรี บก.ตม.3 ร.อ.ต่อพงษ์ ศิริลัย ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 1405 ร.ท.รตินนท์ เสนาณรงค์ ผบ.รอย รส.ร.9.พัน 1 นายนพดล กาญจนกุล เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี นายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายประสาน สงวนพันธุ์ นายก อบต.บ้านเก่า นายอภิรัฐ สงบจิต ผู้ใหญ่บ้านบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร กำลังเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเมืองกาญจนบุรี กว่า 50 นาย ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณ 3 แยก รพ.สต.บ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ห่างจากชายแดนบ้านพุน้ำร้อนประมาณ 4 กิโลเมตร
โดยนายศรัทธา เผยว่า การข่าวพบว่า มีขบวนการรถยนต์ตู้โดยสารจาก กทม.และปริมณฑล ขนแรงงานต่างด้าวชาวลาวมาปั๊มพาสปอร์ตต่ออายุการทำงาน โดยใช้เส้นทางด่านผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นจำนวนมาก โดยทราบมีการใช้รถยนต์ตู้ทั้งหมดวิ่งนอกเส้นทางตามที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นวันนี้จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีข่าวออกไป ผลการตรวจสอบพบว่า มีการกระทำตามที่มีข่าวจริง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงทำการตรวจค้นรถยนต์ที่เข้า-ออกทุกชนิด โดยเฉพาะรถยนต์ตู้โดยสารที่มาจาก กทม.และปริมณฑล เนื่องจากรถยนต์ตู้โดยสารเหล่านี้ วิ่งนอกเส้นทางโดยผิดกฎหมาย มีการบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่ากฎหมายกำหนด
...
นายศรัทธา กล่าวต่อว่า ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงเชิญพนักงานขับรถทุกคนมาทำประวัติ โดยเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีได้ใช้มาตรการเปรียบเทียบปรับหลายข้อหา เช่น ปรับข้อหาบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ขับรถโดยสารออกนอกเส้นทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการดำเนินการตั้งจุดตรวจร่วมครั้งนี้ ทอดยาวมาจนถึงเวลา 15.00 น. ผลปรากฏว่า สามารถเปรียบเทียบปรับรถยนต์ตู้ได้มากกว่า 30 คัน โดยค่าปรับประมาณคันละ 8,000 บาท โดยรถยนต์ตู้บางคันเป็นรถยนต์ตู้ส่วนตัวที่นำมารับจ้างในครั้งนี้ โดยพาสปอร์ตดังกล่าวสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน และทุกๆ 30 วัน แรงงานเหล่านี้จะมาปั๊มพาสปอร์ตเพื่ออยู่ในประเทศไทยต่อ โดยจะทำเช่นนี้เป็นประจำทุกๆ 30 วัน จะพบว่าวันธรรมดา จะมีชาวลาวมาปั๊มพาสปอร์ตวันละประมาณ 600 คน หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีมากถึง 2,000 คน สำหรับรถยนต์ตู้ทั้งหมดจะมีสติกเกอร์สัญลักษณ์สมอเรือติดเอาไว้ทั้งที่กระจกหน้าและกระจกหลัง ลักษณะคล้ายกับแสดงให้รู้ว่า หากแรงงานชาวลาวต้องการที่จะเดินทางมาปั๊มพาสปอร์ต จะต้องมารถยนต์ตู้ที่มีสัญลักษณ์นี้เท่านั้น ซึ่งตนจะได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีและกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทราบต่อไป.