ชาวบ้านจาก ต.เวียงต้า อ.ลอง จ.แพร่ ใช้ชื่อ “กลุ่มรักษ์เวียงต้า” ร้องเรียนว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา มีตำรวจจากสภ.เวียงต้า 5 คน นำหมายค้นเข้าค้นยาเสพติดที่บ้านของนายกง อายุ 42 ปี ชาวบ้านแหลง หมู่ 5
จากการตรวจค้นไม่พบยาบ้าหรือสิ่งเสพติดอื่น พบปืนแก๊ปยิงนก 2 กระบอก ตำรวจยึดไว้เป็นของกลาง ตั้งข้อหา นายกงมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาต
นำตัวนายกงไปโรงพักแล้วขู่ว่าถ้าถูกดำเนินคดีส่งฟ้องศาลจะต้องติดคุก 2 ปี หากไม่อยากติดคุกต้องจ่ายเงิน 10,000 บาท นายกงเป็นชาวบ้านยากจน มีอาชีพทำไร่ทำนาไม่มีเงินจึงต่อรอง
เหลือ 5,000 บาท
ไปหยิบยืมจากญาติพี่น้อง รวบรวมไปให้จึงถูกปล่อยตัวออกมา
กลุ่มรักษ์เวียงต้าเห็นว่าตำรวจกลุ่มนี้น่าจะเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่มิชอบและไม่เหมาะสม
เมื่อตรวจค้นไม่พบยาเสพติดแทนที่จะขอโทษ กลับหาทางเอาผิดในเรื่องที่นอกเหนือจากหมายที่ขอไว้ อ้างว่าการพบปืนเป็นความผิดซึ่งหน้า
นอกจากนี้ปืนแก๊ปยังเป็นปืนทำมือ เอาไว้ยิงนก หนู งู หรือกระรอก ไม่ได้มีไว้เพื่อยิงคน เป็นวิถีชีวิตของคนบ้านป่าตั้งแต่บรรพบุรุษ
ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีปืนแก๊ปเก็บเอาไว้ทุกบ้าน ถ้ามีปืนแก๊ปเป็นความผิดก็ผิดกันเกือบทั้งตำบล
เรื่องปืนแก๊ป ชาวบ้านเคยถูกตำรวจกลุ่มนี้จับแล้วรีดเอาเงินหลายครั้ง
ชาวบ้านไปไร่ข้าวโพดหรือเข้าป่าก็ต้องพกปืนแก๊ปไปด้วย ตำรวจสภ.เวียงต้า หลายคนก็มีปืนแก๊ป ชอบเข้าป่าไปยิงสัตว์มาทำกับแกล้มเหล้า
การจับชาวบ้านพกปืนแก๊ปจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
ส่วนเรื่องสำคัญคือการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
หากการมีปืนแก๊ปเป็นความผิดตามที่อ้าง ตำรวจก็ต้องสอบสวนดำเนินคดีแล้วส่งฟ้องศาลตามขั้นตอน
ไม่ใช่จับมาเพื่อข่มขู่เอาเงิน อาศัยชาวบ้านไม่มีความรู้กฎหมาย กลัวติดคุก กลัวต้องเสียเงินจ้างทนายความสู้คดี เสียเวลาทำมาหากิน
ชาวบ้านจึงยอมจ่าย
กลุ่มรักษ์เวียงต้าเคยแนะนำให้ความรู้กับชาวบ้านในการต่อสู้คดีแต่ไม่ค่อยได้ผล
เนื่องจากชาวบ้านกลัวตำรวจ ไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจเพราะอาจจะถูกกลั่นแกล้งในเรื่องอื่นๆอีก
จึงขอให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อบรมลูกน้อง ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและเหมาะสม
เพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่เป็นชาวไร่ชาวนาตกเป็นเหยื่อของตำรวจเกเร.