“รายงานวันจันทร์”-นั่งรถทัวร์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ปลอดภัย-เซฟค่าปรับ 5 พัน

จากการที่ระยะหลังรถโดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และวิธีการหนึ่งที่จะช่วยป้องกันและลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุได้ก็คือ การบังคับให้รถโดยสารสาธารณะติดตั้งเข็มขัดนิรภัย

ด้วยเหตุนี้ กรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศกฎกระทรวงฉบับใหม่ บังคับให้รถโดยสารสาธารณะต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ฝ่าฝืนปรับ 50,000 บาท พร้อมบังคับให้ผู้โดยสารรถสาธารณะ ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่อยู่ระหว่างการโดยสาร ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 5,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา... “รายงานวันจันทร์” วันนี้มี คุณอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก มาชี้แจง

----------------------------

อัฌษไธค์-เมื่อกฎหมายมีผลบังคับ เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้โดยสาร ก็ต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบล่วงหน้าเป็นระยะๆ แล้ว สำหรับวิธีการปฏิบัติ เริ่มต้นที่สถานีขนส่ง หรือท่ารถ จะมีพนักงานคอยเตือนผู้โดยสารให้คาดเข็มขัดนิรภัยเป็นระยะๆ และก่อนรถออกจากท่าจะให้พนักงานประจำรถย้ำเตือนผู้โดยสารอีกครั้ง ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่ปฏิบัติตาม แต่ระหว่างทางบางคนจะปลดเข็มขัดออกเพราะไม่เคยชิน ดังนั้น จึงมีการตั้งจุดตรวจเพื่อย้ำเตือนกันอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารจะเดินทางปลอดภัย ซึ่งผู้โดยสารที่ไม่คาดเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จะรีบคาดกลับทันที เชื่อว่าช่วงแรกคนไม่เคยชิน ต้องใช้เวลาสักระยะ

ถาม-การตรวจจับขนส่งมีอำนาจเต็มหรือต้องประสานตำรวจร่วมด้วย อัฌษไธค์-เจ้าหน้าที่ตรวจการขนส่ง สามารถดำเนินการจับปรับได้ทันที โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ขนส่ง การบังคับกฎหมายเข็มขัดนิรภัย วัตถุประสงค์หลัก เราไม่ได้มุ่งเน้นที่การจับผู้ฝ่าฝืน แต่เน้นกระตุ้นเตือนให้ผู้โดยสารเห็นถึงประโยชน์ของการคาดเข็มขัดนิรภัยมากกว่า เพราะจากการศึกษาพบว่า ผู้โดยสารรถสาธารณะที่คาดเข็มขัดนิรภัย จะช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 37-45

อัฌษไธค์-รถโดยสารประจำทางที่วิ่งภายในจังหวัด เช่น รถเมล์ที่วิ่งในกรุงเทพฯ และรถโดยสารที่วิ่งภายในจังหวัดตนเอง รวมถึงรถสองแถว กฎหมายนี้ยังไม่ได้บังคับ เพราะรถประเภทดังกล่าวกำหนดให้ผู้โดยสารสามารถยืนบนรถโดยสารได้ แต่รถโดยสารสาธารณะ ที่กำหนดให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย หากฝ่าฝืนอัตราโทษปรับ ไม่เกิน 50,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

ขณะนี้ได้สั่งการให้ขนส่งทุกจังหวัดรวบรวมข้อมูลทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและผู้โดยสาร มีการฝ่าฝืนมากน้อยแค่ไหน รวมถึงสถิติอุบัติเหตุหลังการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมต่อไป.