ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ชี้แจงกรณีปล่อยตัว "ทหารกัมพูชา" 18 นาย ที่ด่านบ้านผักกาด จ.จันทบุรี เป็นไปตามข้อตกลง GBC สะท้อนจุดยืนไทยยึดหลักสันติวิธี ควบคู่การปกป้องประเทศ ยันไม่กระทบต่ออธิปไตย ความมั่นคง กองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง

จากกรณีที่ เมื่อเวลา 08.30 น.เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้นำตัวทหารกัมพูชา 18 นาย  เดินทางมาที่ด่านถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จันทบุรี ก่อนจะส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา พร้อมด้วย คุณหญิง บาน สเร็ย มม ผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน กัมพูชา นำมวลชนเดินทางมารอรับที่พรมแดนเป็นจำนวนมากนั้น 

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ขอเรียนชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนว่า วันนี้ (31 ธันวาคม 2568) ฝ่ายไทยได้ดำเนินการส่งตัวทหารกัมพูชาจำนวน 18 นาย ซึ่งอยู่ในการควบคุมของฝ่ายไทย กลับสู่ฝ่ายกัมพูชา ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด หมู่ที่ 4 ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี โดยมีผู้แทนจาก International Committee of the Red Cross (ICRC), ASEAN Observer Team (AOT) และผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 2 ร่วมสังเกตการณ์ ฝ่ายกัมพูชา มีผู้แทนรับตัว ได้แก่ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 และผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน 

การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ที่ลงนามในการประชุม GBC และเจตนารมณ์ของถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) ระหว่างไทยและกัมพูชา รวมทั้งข้อตกลงที่มีเงื่อนไขชัดเจน ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม โดยยึดมั่นในมาตรฐานสากลและความรับผิดชอบของทุกฝ่าย

ฝ่ายไทยขอยืนยันว่า การดำเนินการนี้ไม่กระทบต่ออธิปไตย ความมั่นคง หรือศักดิ์ศรีของประเทศ โดยกองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคุ้มครองประชาชนและรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ชายแดน

...

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ดำเนินการบันทึก ตรวจสอบ และติดตามข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ตามกลไกและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ เพื่อยืนยันความถูกต้อง โปร่งใส และความรับผิดชอบของทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

การดำเนินการดังกล่าว สะท้อนจุดยืนของประเทศไทยที่ยึดหลักสันติวิธี ควบคู่กับการปกป้องประเทศ อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ในฐานะประเทศที่เคารพ กฎหมายระหว่างประเทศ มีความรับผิดชอบ และมุ่งส่งเสริมสันติภาพอย่างยั่งยืน



ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม