76 ปี หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

จากวันแรกที่เริ่มต้นด้วยการเป็นสื่อสิ่งพิมพ์หลัก ตั้งแต่ พ.ศ.2493 ผ่านอุปสรรค ปัญหา และอำนาจรัฐจนถูกสั่งปิดไปเมื่อ พ.ศ.2501 และกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งในชื่อหนังสือพิมพ์ “เสียงอ่างทอง” จนเป็น นสพ.ไทยรัฐ ซึ่งขึ้นแท่นเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในประเทศ ทำหน้าที่สื่อ โดยยึดมั่นตามปณิธานอันแน่วแน่ ในการนำเสนอข่าวสารของ ผอ.กำพล วัชรพล ผู้ก่อตั้ง ที่ มุ่งมั่น ยืนหยัดฟันฝ่าอุปสรรค ปัญหา ต่อสู้กับอิทธิพลมืด และอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ เพื่อเคียงข้างประชาชน ทั้งแสวงหาความยุติธรรม และความเป็นธรรมสู่สังคมไทย

ถึงวันนี้ นสพ.ไทยรัฐ ได้รับการสานต่อเติมเต็ม จนก้าวสู่การเป็นสื่อครบวงจรอย่างสมบูรณ์ ในนาม ไทยรัฐกรุ๊ป ที่มีทั้ง นสพ.ไทยรัฐ ไทยรัฐออนไลน์ และ ไทยรัฐทีวี จากการส่งต่อมายังรุ่นลูก นำโดย ยิ่งลักษณ์ วัชรพล และ สราวุธ วัชรพล และมาถึงการสานต่อของรุ่นหลาน นำโดย วัชร วัชรพล จิตสุภา วัชรพล และ ธนวลัย วัชรพล ที่เข้ามาร่วมกันบริหาร พร้อมๆ  กับการต่อยอดขยายองค์กรสู่ความเป็นสื่อในโลกยุคใหม่ นำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาเสริมทัพ ในการเป็นปากเสียงให้ประชาชน นำเสนอข่าวสาร และสารประโยชน์ต่างๆสู่สังคม เหนืออื่นใดคือการยังคงยึดมั่นในปณิธานของ ผอ.กำพล วัชรพล

ขณะที่อีกหนึ่งความมุ่งมั่นและปณิธานของ ผอ.กำพล วัชรพล ที่ระลึกอยู่เสมอว่า “หนังสือพิมพ์นั้นอยู่ได้ด้วยศรัทธาของประชาชน ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสก็ควรตอบแทนประชาชน” ประกอบกับด้วยวิสัยทัศน์ที่มองว่า การศึกษาคือรากฐานของการสร้างชาติ จึงนำมาสู่จุดเริ่มต้นของ โรงเรียนไทยรัฐวิทยาเพื่อชุมชนในชนบท โดยการสร้าง ร.ร.ไทยรัฐวิทยาแห่งแรก ที่ จ.ลพบุรี เมื่อ พ.ศ.2512 ด้วยเงินรายได้จากการขายหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จนถึงวันนี้ วันที่มี ร.ร.ไทยรัฐวิทยาทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ถึง 111 โรง รวมถึงการก่อตั้งมูลนิธิไทยรัฐ เพื่อทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยง คอยดูแลช่วยเหลือ จัดทำหลักสูตรพิเศษ และจัดโครงการต่างๆให้ ร.ร.ไทยรัฐวิทยา ทั้ง 111 โรง ตลอดจนทำหน้าที่ประสานงานกับทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ


และแล้ว วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 วันที่นำมาซึ่งสิ่งที่ ชาวไทยรัฐ ปลื้มปีติและภาคภูมิใจ เมื่อ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศยกย่องนายกำพล วัชรพล อดีตผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน ในโอกาสครบ 100 ปีชาตกาล นับเป็นคนไทยลำดับที่ 28 ที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก

“...ผอ.กำพล เรียบจบ ป.4 แล้วหางานทำหาเลี้ยงชีพเลย และเริ่มก่อสร้างไทยรัฐมาจนเป็นรูปเป็นร่างเช่นทุกวันนี้ ท่านจบ ป.4 ก็เห็นความสำคัญของการศึกษา และอยากจะให้เด็กคนอื่นๆได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็เลยอยากจะสนับสนุนการก่อสร้างโรงเรียนให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้ ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร วันนี้ปณิธานของการดำเนินอยู่ของมูลนิธิไทยรัฐยังคงอยู่เหมือนเดิม ความตั้งใจที่จะปิดช่องว่าง หรือลดความเหลื่อมล้ำ สำหรับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษายังคงอยู่เหมือนเดิม

...สำหรับเราแล้ว มูลนิธิไทยรัฐ หรือว่าไทยรัฐในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนอันดับ 1 ของประเทศ เราไม่ได้มอง ร.ร.ไทยรัฐวิทยาเป็นแค่โรงเรียน หรือสถานศึกษาเท่านั้น แต่เป็นกลไกที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต มีการเจริญเติบโต และมีความแข็งแรงมั่นคงในชีวิตของเขาต่อไปได้...

...จะทำอย่างไรให้เด็กมีมุมมองที่กว้างขึ้นมากกว่าแค่การเป็นพลเมืองของประเทศไทย แต่การเป็นพลเมืองโลกในยุคนี้คุณต้องรู้อะไรบ้าง ความยั่งยืน หรือแม้แต่การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และรุนแรง เด็กต้องรู้อะไรบ้าง ครูต้องสอนยังไง ผู้บริหารต้องสนับสนุนอะไรให้กับครู”


คำพูดจากปากของ จิตสุภา วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ ในฐานะกรรมการมูลนิธิไทยรัฐ ที่กล่าวกลางงานสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 111 โรงทั่วประเทศ ประจําปี 2568 ล้วนแล้วแต่แสดงถึงความมุ่งมั่น และเป็นเหมือนการส่งสัญญาณในการสานต่อ เติมเต็ม และต่อยอดงานสนับสนุนด้านการศึกษาชาติตามปณิธานของ ผอ.กำพล วัชรพล

จิตสุภา วัชรพล ยังฉายภาพถึงแนวคิดการ “ปั้นเด็กไทยสู่พลเมืองโลก” ด้วยว่า คิดว่าการเป็นเยาวชน หรือแม้แต่เป็นพลเมืองของประเทศทุกวันนี้อย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เนื่อง จากโลกเราอยู่ในจุดที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันเป็นโลกาภิวัตน์ทั้งหมดแล้ว และประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกอยู่แล้ว การที่เราจะทำให้เด็กของเรามีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง คือการทำให้เขามองเห็นว่าโลกทั้งใบตอนนี้เกิดอะไรขึ้นอยู่บ้าง ทั้งเรื่องของสภาวะแวดล้อม โลกรวนต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทย เลยคิดว่า การทำให้เด็กของ ร.ร.ไทยรัฐวิทยา หรือแม้แต่เยาวชนไทยทั่วๆไป เขารู้ เข้าใจ ตระหนักถึงสถานการณ์ของโลกทั้งใบ น่าจะช่วยให้เขามีแต้ม ต่อในการแข่งขัน หรือพัฒนาตัวเองไปในระดับที่สูงขึ้นได้

“ปณิธานเดิม วัตถุประสงค์เดิมในการก่อตั้งมูลนิธิไทยรัฐยังคงอยู่เหมือนเดิมเลย คือ สนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับเด็กผู้ยากจน เด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ แต่หลักสูตร และวิธีการที่มูลนิธิเข้าไปดำเนินการร่วมกับทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ หรือแม้แต่ทางผู้บริหารสถานศึกษาเองก็จะมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย และจะเน้นการพัฒนาคุณภาพของตัวเด็ก การให้ทุนการศึกษาเด็ก จากที่อดีตเราเคยให้ทุนการศึกษาเด็กจนจบถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อไปเราก็กำลังจะพยายามสนับสนุนให้เด็กเรียนต่อมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเรียนต่อในระดับอาชีวศึกษา หรือระดับอุดมศึกษาได้......ทางไทยรัฐกรุ๊ป ยังยืนยัน และยืนหยัดอย่างมุ่งมั่นที่จะช่วยสนับสนุนการศึกษาของเด็กไทยทุกคนให้มีคุณภาพ  เพื่อที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กทุกคน ประชาชนทุกคนในประเทศให้ดียิ่งขึ้นค่ะ” จิตสุภา กล่าวปิดท้าย

สำหรับพันธมิตร กัลยาณมิตร และผู้มีจิตกุศล สนใจร่วมสร้างอนาคตของเยาวชนอย่างยั่งยืน และร่วมด้วยช่วยกัน “ปั้นเด็กไทยสู่พลเมืองโลก” ด้วยการสร้างวิทยาทานกับทางไทยรัฐกรุ๊ป สามารถร่วมสมทบทุนได้ที่ เลขที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 หรือที่บัญชีเงินฝาก มูลนิธิไทยรัฐ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาวิภาวดีรังสิต กระแสรายวัน เลขที่ 196–3–061591.