โฆษกกองทัพเรือประณาม “กัมพูชาฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ล่อทหารไทยเข้าสู่ทุ่งสังหาร” ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างโจ่งแจ้ง

ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2568 พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ออกแถลงประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างชัดเจน

ภายหลังจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เข้าควบคุมและตรวจสอบพื้นที่ บ้านหนองรี และ บ้านท่าเส้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยเข้ายึดครองและใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหาร ได้ตรวจพบวัตถุพยานจำนวนมากที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อันแสดงถึงการวางแผนและการกระทำโดยเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ได้แก่

...




การตรวจพบ แผนผังแสดงตำแหน่งการฝังทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและทุ่นระเบิดดัดแปลง ในพื้นที่บ้านหนองรี ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อประสงค์ต่อชีวิตทหารไทย




การตรวจพบ คลังอาวุธและทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบดัดแปลงจำนวนมาก ในพื้นที่บ้านท่าเส้น (กาสิโนทมอดา) ซึ่งยืนยันถึงการที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ โดยมีการครอบครองและใช้อาวุธต้องห้ามดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

...




การกระทำดังกล่าวส่งผลให้กำลังพลทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเป็นรายที่ 8 ซึ่งถือเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเป็นการคุกคามต่อชีวิตมนุษย์โดยไม่เลือกเป้าหมาย ทั้งต่อทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์

...




สำนักงานโฆษกกองทัพเรือขอยืนยันว่า การใช้ การวาง และการคงไว้ซึ่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในลักษณะดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน และเป็นพฤติการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้ในประชาคมระหว่างประเทศ กองทัพเรือจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการในระดับรัฐต่อไป รวมถึงการแจ้งต่อประชาคมระหว่างประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับทราบถึงการละเมิดอย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา

...




ทั้งนี้ กองทัพเรือขอยืนยันจุดยืนในการปกป้องอธิปไตย ความปลอดภัยของกำลังพล และความมั่นคงของประชาชนไทยอย่างถึงที่สุด และจะไม่ยอมให้การกระทำอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ถูกเพิกเฉยหรือบิดเบือนจากข้อเท็จจริงโดยเด็ดขาด