บมจ.จันทร์ 29 (JAN29) ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการอีเวนต์และการสื่อสารการตลาดครบวงจร ปรับแผนเตรียมเสนอขายหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในต้นปี 2569 มุ่งยกระดับเทคโนโลยี MarTech และขยายฐานรายได้สู่ภาคเอกชน หลังทำกำไรปี 2567 เติบโตเกือบ 9% แม้เผชิญปัจจัยลบจากงบประมาณภาครัฐที่ชะลอตัว พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2570 ทะลุ 1,000 ล้านบาท
นายพชร สุนทรวิภาต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จันทร์ 29 จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับกรอบเวลาการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นช่วงต้นปี 2569 เพื่อให้สอดรับกับสภาวะตลาดทุน โดยมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมภายในองค์กร ทั้งด้านโครงสร้างองค์กร ระบบบัญชี และระบบการควบคุมภายใน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2566 บริษัทได้เปลี่ยนมาตรฐานการจัดทำรายงานทางการเงินจากมาตรฐานสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (NPAEs) เป็นมาตรฐานสำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (PAEs) โดยมีบริษัท ดีไอเอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากการขายและการให้บริการโครงการของหน่วยงานภาครัฐ
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 1,102.32 ล้านบาท มีกำไรสุทธิสะสม 68.19 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 81.44 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2565 รายได้ 343.07 ล้านบาท ปี 2566 รายได้ 398.78 ล้านบาท และปี 2567 รายได้ 360.47 ล้านบาท ลดลง 9.61% จากปีก่อน จากสถานการณ์ทางการเมืองและความล่าช้าของงบประมาณภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางแผนกลยุทธ์เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ภาครัฐ โดยขยายขอบเขตและประเภทของบริการ กระจายฐานลูกค้าไปยังภาคเอกชน ควบคู่กับการคัดเลือกโครงการที่มีอัตราผลตอบแทนเหมาะสม และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 32.34 ล้านบาท เติบโต 8.97% แม้รายได้รวมจะลดลง
สำหรับปี 2568 บริษัทมีงานโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าใหม่ และรายได้จากการขยายตลาดภาคเอกชน ส่งผลให้คาดว่าจะมีรายได้รวมมากกว่า 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมอีเวนต์ของประเทศไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2568 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 14,000–15,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโต บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 40 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท และมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO
เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และสนับสนุนการขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “Innovation, Entertainment & Experience” อาทิ การลงทุนในคอนเสิร์ต เทศกาล การดึงดูดอีเวนต์ระดับโลก รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถด้าน MarTech เช่น บริการดิจิทัลเอเจนซี ระบบ Social Listening และระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยยกระดับมาตรฐานองค์กร ความโปร่งใส และธรรมาภิบาล อีกทั้งเป็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างมูลค่าในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย” นายพชรกล่าว