บุรีรัมย์ กัมพูชาใช้ปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงใส่พื้นที่พลเรือนฝั่งไทยจนได้รับความเสียหาย แค่หมู่บ้านเดียว กระสุนตก 12 นัด ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและติดตามตัว ทหารกัมพูชา ปลอมเป็นพระแฝงตัวในพื้นที่ “ช่องสายตะกู” คาดเข้ามาสอดส่องที่ตั้งทางทหาร หรือชี้พิกัดให้กับฝ่ายกัมพูชาทราบข้อมูล
ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ ยังมีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ล่าสุดมีจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ตกกระจายรอบชุมชนแนวชายแดน หมู่บ้านเดียวเพิ่มอีก 9 ลูก จากเมื่อวานนี้มีกระสุนปืนใหญ่ตก 3 ลูก รวม 2 วัน จำนวน 12 ลูก โดยกระสุนปืนใหญ่ที่ตกในพื้นที่ทำให้ต้นยางพาราของเกษตรกรในพื้นที่ได้รับความเสียหายหลายสิบต้น และมีรายงานกระจกบ้านเรือนประชาชนแตกร้าวด้วย แต่อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายอีกครั้ง ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดของชาวบ้านก็สามารถบันทึกเสียงปืนใหญ่ที่ยิงปะทะกันต่อเนื่อง
ขณะที่นายธีระศักดิ์ บุญด้วง นายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด พร้อมด้วยนายเจริญชัย วงศ์มณฑล รองนายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 รวมทั้งสื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ระเบิดตกในชุมชนและสภาพความเสียหาย ขณะเจ้าหน้าที่และสื่อต่างประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบจุดกระสุนปืนใหญ่ตกในชุมชน ก็มีกระสุนปืนใหญ่ตกใกล้จุดเดิมเสียงดังสนั่น ทั้งเจ้าหน้าที่และสื่อต่างประเทศที่กำลังบันทึกภาพความเสียหาย ต่างวิ่งหลบกันอย่างโกลาหล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด
นายเจริญชัย วงศ์มณฑล รองนายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.68 ได้มีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง และมีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในพื้นที่รอบชุมชนแนวชายแดน 2 วันติดต่อกันรวม 12 ลูก ทำให้ต้นยางพาราของเกษตรกรได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านเรือนยังอยู่ระหว่างการสำรวจ ซึ่งในพื้นที่ได้มีการอพยพประชาชนออกเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน และ ชรบ.ที่คอยดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านเท่านั้น ส่วนที่มีข่าวว่า ผู้นำสหรัฐ และมาเลเซีย จะเจรจากับผู้นำไทยให้หยุดยิงนั้น ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เข้ามาแทรกแซง เพราะเป็นความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ควรจะให้แก้ปัญหากันเอง ถึงแม้จะเจรจาก็ไม่เชื่อใจกัมพูชา ปัญหาก็จะเรื้อรังไปจนรุ่นลูกหลานอีก ก็อยากให้ดำเนินการให้จบ ๆ ไปเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ที่ทหารไทยและกัมพูชายังปะทะกันอย่างดุเดือด และแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดก็มีคำสั่งให้อพยพเพิ่มอีก 2 อำเภอ คือ อำเภอประโคนชัย ประกอบด้วย ตำบลเขาคอก , ตำบลหนองบอน และตำบลละเวี้ย สำหรับอำเภอเฉลิมพระเกียรติ อพยพประชาชนในตำบลยายแย้ม และตำบลถาวร แม้ทั้ง 2 อำเภอจะอยู่ห่างจากแนวชายแดนที่มีการสู้รบกัน 40 – 50 กิโลเมตร แต่ก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก็ต้องให้อพยพออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าพบผู้ต้องสงสัย คาดน่าจะเป็นทหารกัมพูชา ปลอมตัวเป็นพระภิกษุแฝงตัวเข้ามาในพื้นที่ชายแดนช่องสายตะกู อาจจะเข้ามาสอดส่องที่ตั้งทางทหาร หรือชี้พิกัดให้กับฝ่ายกัมพูชา โดยทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบและติดตามตัว
...