ชุดปฏิบัติงานสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา เดินหน้ารังวัดหมุด GCP และบินโดรนถ่ายภาพชายแดนสระแก้ว โดยวันนี้สำรวจที่จุดตรวจ 34 บ้านหนองหญ้าแก้ว


เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 68 ทีมโฆษกกองทัพไทย ได้สรุปภาพรวมการปฏิบัติงานของกองกำลังบูรพา ร่วมกับชุดสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา รวมถึงฝ่ายปกครอง จ.สระแก้ว และ อำเภอโคกสูง จำนวน 35 นาย โดยเมื่อวานนี้ (21 พ.ย. 68) ได้ปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อสำรวจและปักหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 43 (ช่วงการสำรวจช่วงแรก) โดยดำเนินการกรุยแนว เพื่อวางจุด GCP ได้ 16 จุด และรังวัดจุด GCP ด้วย GPS ได้จำนวน 16 หมุด 

รวมทั้งบินโดรนถ่ายภาพ เพื่อเก็บภูมิประเทศปัจจุบัน และนำไปจัดทำแผนผังหมุดชั่วคราวประกอบการรายงานผลการสำรวจ ได้จำนวน 2 เที่ยวบิน ระยะทาง 1,300 เมตร รวมวัดจุด GCP ได้ 32 หมุด จากทั้งหมด 72 หมุด คิดเป็น 44.44% รวมเที่ยวบินได้ 5 เที่ยวบิน จากทั้งหมด 9 เที่ยวบิน คิดเป็น 55.55% รวมระยะทาง 3.4 กิโลเมตร จากทั้งหมด 7 กิโลเมตร คิดเป็น 48.5%

...

นอกจากนี้ สำหรับแผนในการปฏิบัติต่อไปในวันนี้ได้นัดพบกับฝ่ายกัมพูชา ดำเนินการรังวัดหมุด GCP และบินโดรนถ่ายภาพที่จุดตรวจ 34 บ้านหนองหญ้าแก้ว การดำเนินงานทุกขั้นตอนของชุดสำรวจฯ ในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการรักษาความถูกต้องของเส้นเขตแดนตามหลักภูมิสารสนเทศที่เป็นสากล การรังวัด การวางหมุด และการจัดทำแผนผังด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมและโดรน ช่วยให้การกำหนดพิกัดเขตแดนมีความแม่นยำ โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และลดโอกาสการเกิดความคลาดเคลื่อนในอนาคต การปฏิบัติงานร่วมกันเช่นนี้จึงเป็นรากฐานของการสร้างเขตแดนที่ชัดเจน เสริมสร้างความเชื่อมั่น และสนับสนุนความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างยั่งยืน

วันเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ร่วมกับชุดสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนจันทบุรี และชุดรักษาความปลอดภัย ตำบลเทพนิมิตร รวม 60 นาย ได้ปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายกัมพูชา จำนวน 40 นาย เพื่อสำรวจและปักหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนที่ 53–54 ได้จำนวน 3 หมุด (TM53-19 ถึง TM53-21) รวมระยะทาง 150 เมตร รวมปักได้ 136 หมุด จากทั้งหมด 166 หมุด คิดเป็น 81.93% รวมระยะทาง 6.8 กิโลเมตร จากทั้งหมด 8.3 กิโลเมตร

ในช่วงบ่าย ชุดสำรวจฯ ของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดทำรายงานประจำวันเพื่อบันทึกผลการสำรวจและปักหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนที่ 52–59 โดยพบว่าพื้นที่ปฏิบัติงานส่วนใหญ่เป็นสวนลำไยและสวนทุเรียน ส่งผลให้ต้นไม้ขนาดใหญ่บดบังสัญญาณดาวเทียม GPS อีกทั้งยังมีบางช่วงเป็นป่าหญ้ารกทึบ ทำให้การวัดพิกัดต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบและความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างชุดสำรวจทั้งสองฝ่าย


สำหรับแผนการปฏิบัติงานในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 09.00 น. ทั้งสองฝ่ายได้นัดพบกันที่หลักเขตแดนที่ 58 เพื่อดำเนินการปักหมุด TM57-39 ถึง TM57-47 ตามแผนที่วางไว้ร่วมกัน การปักหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ “จัดทำเส้นเขตแดนบนพื้นดิน (land boundary demarcation)” ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศ หมุดแต่ละหมุดทำหน้าที่เป็นจุดอ้างอิงเชิงพิกัด (geodetic reference points) เพื่อยืนยันตำแหน่งของเส้นเขตแดนอย่างถูกต้องก่อนนำไปสู่การติดตั้งหลักเขตแดนถาวรในลำดับต่อไป กระบวนการนี้ต้องอาศัยการปฏิบัติร่วมกันอย่างละเอียดระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อให้เส้นเขตแดนมีความชัดเจน โปร่งใส และสามารถใช้ประกอบการบริหารพื้นที่ชายแดนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง ระหว่างไทย–กัมพูชา.