พี่ชายหลบหนีออกมาได้ แฉนรกปอยเปต หลังมีข่าวสลด ชายไทยถูกทำร้ายตายเพิ่มอีกรายที่กัมพูชา โดนทำร้ายโหดเหี้ยม จับขังในห้องเปิดแอร์ 16 องศาฯ
จากกรณีพบศพ นายศราวุธ ชาวจังหวัดสมุทรปราการ ชายไทยเสียชีวิตในฝั่งปอยเปต กัมพูชา โดยมีข้อมูลจากพยานบุคคลยืนยันตรงกันว่า นายศราวุธถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : พบชายไทยตายเพิ่มอีกราย ฝั่งปอยเปต กัมพูชา ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม)
ล่าสุดเวลา 13.00 น. วันที่ 18 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายนัฐพล หรือ โปเต้ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของ นายศราวุธ หรือ โตโต้ ที่มีข่าวเสียชีวิตหลังถูกหลอกไปทำงานให้กับแก๊งสแกมเมอร์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังอย่างละเอียดว่า “วันนี้ตนได้เดินทางมาหางานทำกับเพื่อนที่ จ.กำแพงเพชร หลังหนีออกมาจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา จากนั้นก็เดินทางข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชา ผ่านทางเส้นทางธรรมชาติเข้ามาทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
พร้อมเล่าเหตุการณ์ก่อนจะหลบหนีออกมาและได้ข่าวว่าน้องชายตนถูกทำร้ายจนเสียชีวิตว่า "ก่อนหน้านี้ทุกคนที่ถูกหลอกไปทำงานเริ่มอยู่กันไม่ได้แล้ว ซึ่งน้องชายของตนก็คิดที่จะหลบหนีออกมา ซึ่งภายในห้องที่น้องชายตนอยู่นั้นมีลูกกรงเหล็กอยู่ข้างหลัง ซึ่งก็มีเพื่อนร่วมห้องที่พักอยู่ช่วยกันแหกลูกกรงเตรียมจะหลบหนี แต่ต้องย้ายห้องก่อน จนคนที่มาอยู่ใหม่เข้ามาและโผล่หัวออกไปจนยามที่เฝ้าอยู่ขึ้นมาดู และตรวจสอบว่าใครเป็นคนทำ
...
น้องชายของตน และคนอื่นๆ ในห้องชุดเดิม จึงถูกบอสชาวจีนจับทำโทษ ใช้เหล็กตีจนเห็นเนื้อข้างหลัง เอาไฟฟ้าช็อตที่ตัวและปาก หลังจากนั้นเอาตัวขึ้นไปขังไว้บนชั้น 6 ตึกบี โดยเปิดแอร์ไว้ที่ 16 องศาฯ ให้แก้ผ้านอนหลับ พอเช้าก็ขึ้นไปตีอีก ช่วงเย็นก็ขึ้นไปตีอีก เป็นแบบนี้มา 2 วัน จนวันที่ 3 ตนจึงตัดสินใจหลบหนีออกมาพร้อมกับเพื่อนเพื่อหาคนเข้าไปช่วยเหลือ
โดยเช้าของวันที่ 16 พ.ย. 68 ได้รวมตัวกับเพื่อนประมาณ 40 กว่าคน ประมาณ 07.30 น. หลังจากนั้นก็หลบหนีออกมาเลย โดยจุดนั้นเรียกว่าบัวไลย ประตู 3"
นายนัฐพล เล่าอีกว่า ก่อนหน้านั้นตนถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นแอดมินการตลาดคอยตอบลูกค้าสินค้าออนไลน์ ได้ค่าจ้างเดือนละ 24,000 บาท และค่าคอมฯ ต่างหาก ซึ่งก็เป็นที่เดียวกันกับสาวไทยที่อยู่จังหวัดพังงาที่มีข่าวเสียชีวิตจากโรคประจำตัว แท้จริงแล้วถูกทรมานโดยการตีและใช้ไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต โดยข่าวล่าสุดเมื่อเช้าที่ผ่านมาข้างในแจ้งว่าน้องชายของตนเสียชีวิตแล้ว แต่ตนก็ยังไม่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตอนที่ตนหนีออกมานั้น น้องชายอาการ 50/50 แล้ว แต่ก่อนเที่ยงมีการติดต่อมาหาแม่ตนที่ทำงานอยู่ใน จ.สมุทรปราการ ว่าน้องชายของตนยังทำงานปกติ
แต่จากสภาพการถูกทำร้ายแบบนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะทำงานได้แล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้พูดคุยกับน้องชายแต่อย่างใด มารู้อีกทีว่าถูกทำร้ายแล้วและตนพยายามจะออกจากห้องแต่คนคุมไม่ให้ออก ทำให้ตนไม่มั่นใจว่าใช่น้องชายตนหรือไม่ที่ถูกตีทำร้าย
ตอนนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่าน้องชายของตนเสียชีวิตหรือยัง แต่ถ้าน้องชายยังมีชีวิตอยู่ก็อยากให้รัฐบาลเข้าไปช่วยให้เร็วที่สุด และคนที่เหลือข้างในก็อยากกลับบ้านกันหมด ในออฟฟิศที่ทำงานมีจำนวนกว่า 600 คน ซึ่งรวมกับออฟฟิศของน้องผู้หญิงที่เสียชีวิตชาวจังหวัดพังงาด้วย พอเกิดเรื่องก็มีการย้ายออกไปที่อื่น มีการทยอยย้ายออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เป็นเป้า ตนจึงอยากเตือนคนไทยว่าให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนจะไปทำงาน หากไปแล้วถูกหลอกก็จะมีสภาพแบบตนและน้องชายของตน
อย่างไรก็ตาม หลังจาก นายนัฐพล ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวจบ ผู้เป็นแม่ก็ได้ส่งคลิปภาพเสียงที่ถ่ายไว้เมื่อตอน 11.00 น. ของวันที่ 18 พ.ย. 68 ซึ่งในคลิปอ้างว่าเป็นเสียงของนายศราวุธที่ถูกส่งมาให้กับผู้เป็นแม่ มีใจความว่า “แม่ช่วงนี้งานที่ออฟฟิศยุ่งนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหา สะดวกว่างเดี๋ยวจะโทรหานะ ไม่ต้องห่วงครับอยู่ที่นี่สบายดี ช่วงนี้งานเยอะ“
นายนัฐพล กล่าวว่า ตนได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าวแล้วก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นเสียงของน้องชาย หรือ AI กันแน่ ซึ่งก็รอข่าวจากคนที่อยู่ที่นั่นเหมือนกันว่าตอนนี้น้องของตนเสียชีวิตแล้วหรือยัง ส่วนเรื่องของการนำศพกลับมานั้น ตนก็อยากให้รัฐบาลช่วยนำกลับมาบำเพ็ญกุศลให้ได้ และคาดว่าจะกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด จ.นครพนม.