รู้จักกลยุทธ์ Asset Monetization หมุดหมายสำคัญของ ปตท. ที่สร้าง Synergy ผ่านสินทรัพย์และเงินทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมปลดล็อกศักยภาพธุรกิจของบริษัทลูก ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นับตั้งแต่เดือน พ.ค.2567 ที่ผ่านมา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ภายใต้การนำของ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรียกได้ว่า ปตท. มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สร้างผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นรวมทั้งดูแลผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจหลัก คือ น้ำมันและก๊าซ ซึ่งควบคู่ไปกับการบริหารจัดการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก
ขณะเดียวกันยังได้จัดตั้ง War Room เพื่อรับมือกับปัจจัยภายนอกที่ท้าทายมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และความต้องการใช้พลังงานที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่ผันผวนและท้าทายตลอดทั้งปีที่ผ่านมา แต่ ปตท. สามารถสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ด้วย 4 กลยุทธ์หลักดังนี้
1. ดำเนินกลยุทธ์ Asset Monetization (A1) โดยบริหารสินทรัพย์ในกลุ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการปรับโครงสร้างธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่ม ปตท. โดย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หรือ PTT Tank
2. ดำเนินกลยุทธ์ปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจ Life Science โดยปรับโครงสร้างการลงทุนของ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด หรือ Innobic ที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ด้วยแผนการลดสัดส่วนการลงทุนใน Lotus Pharmaceutical Company Limited หรือ Lotus ซึ่งเป็นบริษัทยาของไต้หวัน
นอกจากนี้ Lotus เข้าซื้อหุ้น Alvogen US ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับยาเฉพาะทางในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 658 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังช่วยให้ อินโนบิก สามารถขยายการลงทุนในธุรกิจ Life Science ได้ด้วยตนเอง (Self-Funding)
3. การซื้อหุ้นคืนครั้งแรกของ ปตท. (Treasury Stock) เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน สร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
4. การประกาศจ่ายเงินปันผลอย่างเหมาะสม ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่สอดคล้องกับสภาวะตลาดทุนและการจัดสรรเงินสด Free Cash Flow ระยะยาวอีกด้วย
รู้จัก Asset Monetization การใช้สินทรัพย์เป็นเงินทุนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หลายคนอาจจะเกิดข้อสงสัยกลยุทธ์ Asset Monetization ของ ปตท. ในการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาแปลงให้เป็นเงินสด หรือเงินทุนได้อย่างไร แล้วสินทรัพย์ที่จะนำมาแปลงเป็นเงินสดมีอะไรบ้าง ท้ายที่สุด ปตท. จะได้อะไรจากการทำ Asset Monetization “ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์” อาสาหาคำตอบมาให้
Asset Monetization คือ การสร้างรายได้จากสินทรัพย์ หรือ การแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด ไม่ว่าจะเป็นการขาย การเช่า การให้เช่ากรรมสิทธิ์ การโอนสิทธิการเช่าระยะยาว จากนั้นก็จะมีการเช่าสินทรัพย์นั้นกลับมาเพื่อใช้งานต่อ
ยกตัวอย่างเช่น โรงแรม A ขายตึกและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 120 ล้านบาทให้กับกองทุนรวม จากนั้นโรงแรม A ก็จะเซ้ง หรือ เช่า ตึกและสิ่งปลูกสร้างจากกองทุนรวมเพื่อมาบริหารตามเดิม สิ่งที่โรงแรม A ได้ก็คือเงินสดและกำไรจากการขายสินทรัพย์ ส่วนกองทุนรวมก็จะได้สินทรัพย์เพิ่มพร้อมกับค่าเช่าระยะยาวและกำไรจากการลงทุนนั่นเอง
การทำ Asset Monetization ในประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้นำกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้เป็นจำนวนมาก เช่น สายการบินแอร์เอเชีย หรือ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เคยขายเครื่องบินออกไปทั้งหมด แล้วเช่ากลับมาเพื่อใช้งาน
รวมไปถึงบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ที่ได้ทำสัญญาให้เช่าระยะยาว พื้นที่ห้างสรรพสินค้า 30 ปี กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท ทำให้ CPN ได้เงินสดก้อนใหญ่ไปลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ เป็นต้น
ปตท. เดินเกม Asset Monetization อย่างไร
สำหรับแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของ ปตท. ด้วยกลยุทธ์ Asset Monetization นั้นจะเริ่มจากบริษัทลูก 2 แห่ง คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP
- ปตท. ให้บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หรือ PTT Tank ที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ดูแลการรับซื้อสินทรัพย์ประเภทโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานจากบริษัทลูก โดย PTT Tank นั้นจะเป็น Infrastructure Flagship หรือ เรือธงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในอนาคต
- PTT Tank จะจัดตั้งบริษัทย่อยเข้าดำเนินการซื้อและเช่า ท่าเทียบเรือ ถังเก็บน้ำมัน ท่าเรือ สถานีจ่ายน้ำมัน หรือที่ดินต่างๆ รวมไปถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจาก GC และ TOP จากนั้นจะนำทรัพย์สินดังกล่าวมาบริหารให้เกิดรายได้และผลตอบแทนต่อบริษัทในกลุ่ม
- PTT Tank มีแผนเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด จาก GC ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 35.43 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ครอบคลุมธุรกิจ บริการรับ จัดเก็บ และขนถ่ายสินค้าเหลว โดยมีกำหนดเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคม 2568 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2569
ทั้งนี้ การทำ Asset Monetization ของ ปตท. นั้นก็เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเปิดโอกาสให้พันธมิตรรายใหม่ๆ ด้วยการลดภาระหนี้สินในบริษัทลูกไม่ว่าจะเป็น ไทยออยล์ และ GC ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 บริษัทมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่อาจเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านพลังงานในอนาคต ขณะเดียวกันบริษัทลูกทั้ง 2 แห่งจะได้เงินสดก้อนใหญ่ ลดหนี้สิน ทำให้ D/E Ratio ดีขึ้น เครดิตเรตติ้งดีขึ้น และลดภาระดอกเบี้ย
เมื่อทั้ง GC และ TOP แข็งแกร่งขึ้น ด้วยมูลค่าโครงการรวมกว่า 47,000 ล้านบาท รวมถึงการสร้าง Synergy ในการใช้สินทรัพย์ และสร้างธุรกิจโมเดลใหม่ Energy Infrastructure ของกลุ่มแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลจะนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนอีกด้วย
“ทีมข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐออนไลน์”