สถานการณ์ "เขื่อนเจ้าพระยา" ระบายน้ำ 2,900 ลบ.ม./วินาที ชาวบ้านเผยน้ำที่ท่วมในพื้นที่เริ่มสูงขึ้นจากเดิม เท่ากับปี 2565 แล้ว

วันที่ 11 พ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทางกรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำมาเป็น 2,900 ลบ.ม./วินาที เมื่อช่วงตี 2 ที่ผ่านมา และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลทำให้ระดับน้ำทางด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอีก 30 ซ.ม.

ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน ยังคงออกมาอาศัยอยู่ริมถนนสายคันคลองมหาราชหลายพันครอบครัว โดยพื้นที่ลุ่มต่ำด้านท้ายเขื่อน เทศบาลตำบลโพนางดำออก ต้องนำรถแบคโฮมาสร้างคันดินป้องกันน้ำที่เอ่อเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มที่จะไหลข้ามถนนสายคันคลองมหาราช

...

ส่วนสถานการณ์น้ำที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน อยู่ที่ 3,011 ลบ.ม./วินาที ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.66 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 16.67 เมตร/รทก. โดย เขื่อนเจ้าพระยา มีอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 2,900 ลบ.ม./วินาที

สำหรับพื้นที่ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ชาวบ้านหลายพันครัวเรือนยังได้รับผลกระทบ ซึ่งปัจจุบันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก คันดินที่ทางเทศบาลตำบลโพนางดำออก ได้สร้างไว้ป้องกันน้ำท่วมก่อนหน้านี้ ระดับน้ำได้ไหลข้ามแล้ว

ทางด้าน นางวิไล บำรุงพันธ์ ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนวัดมะปรา เผยว่า ขณะนี้เขื่อนเจ้าพระยาได้มีการปล่อยน้ำมาที่ 2,900 ลบ.ม./วินาที น้ำที่ท่วมในพื้นที่เริ่มสูงขึ้นจากเดิม เท่ากับปี 2565 ซึ่งตอนนี้ตนอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน และระดับน้ำยังห่างจากชั้น 2 ของตัวบ้านอีกเยอะ

ส่วนความเดือดร้อนก็เดือดร้อนในหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำก็จะได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก ลำบากต้องพายเรือออกมาส่งเด็กนักเรียนด้วย ส่วนความกังวลใจยังห่วงว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไรจึงรู้สึกเป็นกังวล

ทางด้าน นายมนตรี คุ้มเขตร์ นายกเทศมนตรีตำบลโพนางดำออก เผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หลังจากที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำมาเป็น 2,900 ลบ.ม./วินาที จึงทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีก 30 ซ.ม. โดยระดับน้ำที่เพิ่มดังกล่าวใกล้ส่งผลทำให้เอ่อล้นข้ามถนนสายคันคลองมหาราช และอาจจะไปท่วมบนถนนที่มีประชาชนอาศัยอยู่ที่พักชั่วคราวบนคันคลอง

อย่างไรก็ตาม ทางเทศบาลตำบลโพนางดำออก ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่นำรถแบคโฮ ออกไปปั้นคันดินกั้นน้ำริมถนนสายคันคลองมหาราชในจุดเสี่ยงที่น้ำอาจจะข้ามถนนมาได้ และยังคงมีความกังวลใจในเรื่องของสถานการณ์น้ำที่อาจจะเพิ่มขึ้น เพราะจากการติดตามข้อมูลข่าวสารทราบว่าทางด้านตอนบนของลุ่มน้ำยังมีปริมาณน้ำอีกมาก.