งาน “Thairath Forum 2025” ภายใต้แนวคิด “The Next New Economy” “ประเทศไทยยังมีโอกาสอยู่อีกหรือไม่” จัดโดยไทยรัฐกรุ๊ป เมื่อค่ำวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรม อีสติน แกรนด์ พญาไท ได้ฉายภาพอนาคตเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า ซึ่งเป็นยุคเปลี่ยนผ่านสำคัญ จากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และธุรกิจในอนาคตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ Deep Tech Economy และการขับเคลื่อนด้วยระบบเศรษฐกิจในยุคที่มนุษย์มีอายุยืนยาวกว่าเดิมอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี หรือ Longevity Economy
ก่อนเริ่มเปิดการเสวนา แขกที่มาร่วมงานได้ร่วมกันแสดงความอาลัยถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ โดยพร้อมใจกันยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที
ช่วงแรกของงาน “Thairath Forum 2025” ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “The Next New Economy : ประเทศไทยไปต่ออย่างไร?
ปฏิบัติการ 5 เสา หยุดเศรษฐกิจดิ่งลงเหว ลุยต่อ New Economy
...
ดร.เอกนิติ ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเศรษฐกิจ ที่ต้องเข้าใจเพื่อเกาให้ถูกที่คัน ต้องตั้งหลักให้ถูก เพราะต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาเติบโตได้ด้วยการ “กินบุญเก่า” เช่นการส่งออก แต่นับตั้งแต่ต้นปีที่จีดีพีเติบโต แต่ในช่วงไตรมาสหลังนี้ เป็นการเติบโตแบบดิ่งเหว
“เราต้องหยุดการดิ่งเหว รถยนต์ประเทศไทยกำลังขับลงดิ่งเหว เราต้องหยุด ไม่งั้นจะดิ่งเหวลงไปอีก รถยนต์เก่า และคนขับก็แก่…มีโจทย์ระยะยาวที่ซ้ำเติมปัญหาระยะสั้นที่กำลังเจอ” ดร.เอกนิติ กล่าว
รัฐบาลปัจจุบัน แม้จะมีเวลาทำงาน 4 เดือน ทีมเศรษฐกิจจึงเน้นกลยุทธ์ Quick Big Win ที่ต้องเร่งทำในระยะสั้น ให้ใหญ่พอ และกระจายตัว ผ่าน 5 เสาหลัก คือ แผนการฟื้นเศรษฐกิจ , การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน , การดูแลเอสเอ็มอี , การออม เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในไทย และการลงทุนเพื่อสร้างอนาคต หรือ New Economy ที่ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
จะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อกระตุ้นในระยะสั้น เพื่อให้ได้ผลยาว มีการกระจายตัวถึงรายเล็กรายย่อย และที่สำคัญคือชาวบ้านได้ทักษะใหม่ ให้ชาวบ้าน ใช้แพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงร้านค้าขายของได้ปัง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการท่องเที่ยวที่เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยต้องมีการกระจายไปที่เมืองรองด้วย มีเรื่องการผลักดันพลังงานสะอาด การแก้หนี้ครัวเรือน ยังมีเรื่องการออม ที่ปัจจุบันผู้สูงอายุส่วนใหญ่ออมผ่านการฝากเงิน การซื้อสลากออมสิน ธอส. หรือธกส. ดอกเบี้ยถูกแต่มั่นคง แต่ถ้าให้มีพันธบัตรรัฐบาลทุกเดือน ก็จะมีแหล่งเงินออม ที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าและปลอดภัย เป็นต้น
รีสกิลแรงงาน 1 แสนคน ตอบโจทย์ต่างชาติ
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังได้ระบุถึงแผนการรีสกิล หรือพัฒนาทักษะของแรงงาน เพื่อตอบโจทย์ด้วยกลุ่มเป้าหมาย 1 แสนคน เพื่อสนองตอบต่อเศรษฐกิจใหม่ในอนาคต
วิธีการคือ เป็นการสร้างแรงงานในระดับบน จากงบประมาณที่รัฐมีกองทุนหมื่นล้าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการต่างชาติที่มาลงทุนโดยสอบถามชัดเจนว่าอยากได้แรงงานทักษะแบบไหน ตอบโจทย์ต่างชาติที่มาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมในอนาคตประเทศไทย เช่น อุตสาหกรรมสุขภาพเวลเนส ดิจิทัล เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น
สุดท้ายที่ ดร.เอกนิติ ย้ำคือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ คือการแก้จุดอ่อนของกระบวนการอนุมัติต่างๆ ที่ติดกฎระเบียบของภาครัฐ เพื่อสร้างรากฐานให้ประเทศไทยเกิด Next New Economy
Deep Tech Economy กับ การปั้น ASEAN Hub
สำหรับการเสวนาในหัวข้อเรื่อง Deep Tech Economy ที่ผู้ร่วมเสวนาให้มุมมอง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และธุรกิจในอนาคตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง โดยคุณ จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Deep Tech อาจเป็น Quick Big Win ถ้าเราอ่านเกมนี้ถูก พร้อมเสนอให้รัฐบาล “วางเสาเทคโนโลยี” 4 ด้านให้ชัด ได้แก่ Digital, Innovation, Green, Creative เพื่อส่งไม้ต่อให้รัฐบาลชุดถัดไปเดินหน้าได้ทันที และดึงเงินเข้าประเทศได้เร็วและเพิ่ม GDP คือ การดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI
...
ขณะเดียวกันคุณ พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองว่า มหาวิทยาลัยเริ่มเร่งหลักสูตรเทคโนโลยีแล้ว แต่ถ้าไม่มีสนามให้เติบโต คนเก่งก็จะไหลออก และต้องรักษา Talent ระดับโลก รวมถึง Digital Nomad ด้วยการปลดล็อกขั้นตอนวีซ่าและการตั้งถิ่นฐานในไทย
ศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่(องค์การมหาชน) ชี้ว่า ตลาดขาดข้อมูลฝึก AI ทั้งที่รัฐถือครอง Unique Data Asset จำนวนมาก หากบูรณาการและเปิดใช้เชิงวิเคราะห์ จะเกิดผลเร็วและยั่งยืน ซึ่งการเป็น AI Hub ของโลกคงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเป็น ASEAN AI Hub พอเป็นไปได้ สิ่งที่ต้องทำมี 2 อย่าง นั่นคือ การทำโปรแกรมที่มีชื่อว่า Reskill Program ซึ่งการทำตำราคงทำไม่ทันเพราะใช้เวลากว่า 2 ปี แต่ AI มีการเปลี่ยนแปลงทุก 2 สัปดาห์ ส่วน Incentive Program ควรกระตุ้นการใช้ AI โดยกำหนดเงื่อนไข ไม่เลย์ออฟ เพื่อให้คนทำงานใช้เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพแทนการถูกทดแทน ถ้าทั้ง Reskill และ Incentive ยิงถูกเป้า การเป็น ASEAN AI Hub ก็เป็นไปได้
โอกาสของประเทศไทยฟื้นเศรษฐกิจจากเทรนด์ Longevity
...
จากนั้นเวที THAIRATH FORUM 2025 ได้เปิดมุมมองเกี่ยวกับเทรนด์ของอายุยืนยาว ที่จะสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ได้ ที่เรียกกันว่า Longevity Economy
โดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มองว่า เรื่องที่ประเทศไทยต้องทำ 2 สิ่งอย่างเร่งด่วน คือการสร้างคนคุณภาพ เพราะเด็กเกิดน้อย จึงต้องอัดฉีดคุณภาพสูงสุด และการสร้าง Wellness ที่ทำให้คนอายุเยอะมีสุขภาพดี เพื่อลดรายจ่ายในด้านสุขภาพ การมี Wellness ของประชาชนคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
คุณวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา บอกสิ่งที่น่ากังวลกว่า ภายใน 10 ปีนี้ ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดที่ประชากร 1 ใน 3 อายุเกิน 60 ปี จึงมีวิกฤติซ้อนคือ วิกฤติโครงสร้างประชากร และ ปัญหาสภาพภูมิอากาศ
โอกาสในระบบเศรษฐกิจเติบโตรอบใหม่ จาก Longevity Economy นั้นภาครัฐต้องเปลี่ยน Mindset ในการดำเนินการบางนโยบาย เช่น การท่องเที่ยว ต้องเลิกเน้นปริมาณนักท่องเที่ยว แต่หันมาดึงนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายเยอะ ด้านสุขภาพเปลี่ยนวิธีคิดจากการรักษา มาเป็นป้องกัน
นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ หมอแอมป์ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort บอกว่า เทคโนโลยีการแพทย์ยืดชีวิตให้ตายช้า แต่จะทำให้ทรมานมากขึ้น ดังนั้นการดูแลสุขภาพจึงสำคัญตั้งแต่วันนี้ จึงกลายเป็นโอกาสมหาศาลของธุรกิจ Wellness ที่ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างมาก คาดว่าจะมูลค่าถึง 8.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2571 โดยเฉพาะ 3 ธุรกิจดาวรุ่ง คือ Wellness Real Estate หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ Mental Wellness หรือการดูแลสุขภาพจิต และ Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องสร้าง Thailand Wellness Ecosystem และสร้างคนในประเทศแข็งแรง คนไทยสุขภาพดี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา เชื่อว่าประเทศไทย จะเป็น Blue Zone แห่งใหม่ของโลกซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
...