เชียงใหม่ กำนัน ต.หนองตอง เปิดใจกรณีจัดคนเมาต่อยกันตัวต่อตัว ให้ฝ่ายปกครองยืนล้อม หลังทะเลาะวิวาทในคอนเสิร์ตงานกฐิน วัดพระเจ้าเหลื้อม ยอมรับมีการประเมินสถานการณ์ ทำความเข้าใจกับคู่กรณีแล้ว หวั่นเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย โดนผู้จัดฟ้องเรียกค่าเสียหาย ล่าสุด อำเภอหางดง เรียกชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 จากกรณี ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.หนองตอง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ แจ้งเหตุทะเลาะวิวาทในงานทอดกฐิน วัดพระเจ้าเหลื้อม ต.หนองตอง อ.หางดง ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ ขณะที่ทางผู้นำท้องถิ่นคือ กำนันตำบลหนองตอง ได้ประกาศให้คู่กรณีที่ทะเลาะวิวาทสองฝ่าย คือ ชายที่สวมเสื้อยืดสีเขียว และชายที่สวมเสื้อกล้าม ขึ้นมาชกกันบนเวทีรำวง และให้ทางนักดนตรีเล่นเพลงประกอบการชก

โดยจากคลิปจะเห็นว่าชายเสื้อกล้ามนั้นตัวเล็กกว่าชายสวมเสื้อยืดสีเขียว ซึ่งต่างฝ่ายต่างชกกัน แต่ฝ่ายชายสวมเสื้อกล้ามเมา และตัวเล็กกว่าจึงถูกชายสวมเสื้อยืดสีเขียวทั้งแตะและต่อย จนล้มลง ท่ามกลางชายที่สวมเสื้อกั๊กฝ่ายปกครองยืนล้อมไว้เสมือนเป็นกรรมการและคอยห้ามก่อนจะมีผู้บอกว่า จะจบหรือไม่จบ

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ลานสนามด้านนอกวัดพระเจ้าเหลื้อม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านหมู่บ้านดังกล่าว เล่าว่า วันเกิดเหตุนั้น เธอก็ได้มาร่วมงานซึ่งงานดังกล่าวจัดที่สนามด้านนอก มีกิจกรรมต่างๆ มีรำวง มีการขายเหล้าเบียร์ตามปกติเพราะเป็นงานเมา ซึ่งจากคลิปที่เผยแพร่ออกไปนั้น ชายทั้งสองคนนั้นเมาสุรากำลังจะชกต่อยกัน ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ อาจมีการชุลมุนและมีการไปรบกวนผู้มาร่วมงาน

“พ่อกำนัน เห็นท่าไม่ดี จึงได้จับสองคนนั้นมาชกกัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ส่วนตัวในฐานะชาวบ้าน มองว่าการที่กำนันจับทั้งสองคนมาต่อยกันให้จบๆไป เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงมากกว่านี้ ต่อยกันแล้วจบๆ แยกย้ายกันไป แต่ภาพที่เราเห็นและมีการแชร์ออกไปนั้น ต่างคนต่างความคิด เราจึงไม่สามารถไปห้ามความคิดใครได้มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย”

ขณะที่นายสมพงค์ อินเวิน กำนัน ต.หนองตอง เปิดเผยว่า การที่มีคลิปออกไป แต่ไม่มีใครรู้ความเป็นจริงถึงวันที่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์อะไรมาก่อน นั้น ซึ่งวันดังกล่าวนั้นเป็นงานกฐินของวัดพระเจ้าเหลื้อม ได้มีการจัดรำวงโดยทางเจ้าภาพ และมีการจัดงานมหรสพ เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในชุมชน ซึ่งการจัดงานก็จะมีกฎระเบียบในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของงาน ถ้าเกิดมีการทะเลาะวิวาทก็ต้องมีการปรับต้องชดใช้ค่าเสียหายอะไรต่างๆ

ซึ่งก็มีคู่กรณีสองคนเมามาก จะมีเรื่องทะเลาะกันเกิดขึ้น ก็จะต้องมีการยุติงานและจะต้องมีการเปรียบเทียบปรับ ชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางผู้จัดงาน

โดยทางเจ้าหน้าที่ดูแลงานได้มีการพยายามห้ามปรามแล้ว ชายทั้งสองคนก็ไม่ฟัง ตนประเมินสถานการณ์แล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้แล้วเรื่องจะลุกลามบานปลายไปกันใหญ่ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีการยุติ เพื่อไม่ให้มีความเสียหายทั้งสองฝ่ายทั้งร้านค้าและผู้ที่มาร่วมงาน

จึงได้ให้ชายสองคนมาชกต่อยกัน เพื่อให้จบลงที่นี่และให้ทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านเข้ามากันคนไว้ ไม่ให้เข้ามายุ่ง ถือว่าเป็นการแสดงให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าหากมีการทะเลาะวิวาทนั้นไม่ดีจะให้คนอื่นเดือดร้อนต้องไปแจ้งความต้องเสียค่าปรับ จึงตัดสินให้จบแค่ในงานนี้เท่านั้นก็เป็นคลิปที่ออกมา โดยไม่ให้มีการบาดเจ็บกันเยอะ

ซึ่งก่อนที่จะนำชายสองคนมาชก ก็เราก็ได้ทำความเข้าใจกับทั้งสองแล้วว่าจะให้ชกกันตรงนี้ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากชกกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน และจะต้องไม่มีใครติดใจ

กระทั่งมาเห็นคลิปที่มาลงโซเชียล แต่เราก็ยอมรับว่าคลิปที่ลงโซเชียลนั้นก็มีทั้งผลดีและผลไม่ดี แต่ตนก็ยอมรับเพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ต้องให้ใครเดือดร้อน ขอให้จบที่ตรงนี้เท่านั้น ให้ทุกคนยอมรับกติกา ไม่ได้คิดเป็นอื่นเลย

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางต้นสังกัด อำเภอหางดง หลังคลิปมีการเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีการเรียกกำนันไปชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

ขณะที่ทางกำนันได้เรียกชายคู่กรณีทั้งสองคนมาคุยกันแล้วทำความเข้าใจถึงคลิปที่เผยแพร่ออกไป โดยทั้งสองไม่ติดใจเอาความและจบกันด้วยดีแต่ไม่ทราบว่ามีการนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่หรือร้องสื่อ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ชายทั้งสองคนได้ขอโทษสังคม และขอโทษพ่อกำนัน ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นและต่อไปจะไม่ก่อเหตุลักษณะนี้อีก

...