“ลองสักครั้งคงไม่ติดหรอก…” “ครั้งเดียวเอง…”

ประโยคที่ฟังดูเหมือนเรื่องเล่น ๆ แต่ความจริงแล้วนี่คือกับดักที่ทำให้คนจำนวนมากหลุดเข้าไปในวงจรยาเสพติดและแทบไม่มีใครออกมาได้ง่าย ๆ ความเชื่อว่าการลองเพียงครั้งเดียวไม่เป็นไร แต่แท้จริงแล้ว ยาเสพติดหลายชนิดสามารถทำให้สมองติดตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) และภาคีรณรงค์ลดสิ่งเสพติด เปิดข้อมูลจากสำนักงานปราบปรามสิ่งเสพติด ปี 2567 พบว่า คนไทยอายุ 12–65 ปี มากถึง 3.8 ล้านคน ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดในรอบปีที่ผ่านมา ตัวเลขที่น่าตกใจคือ ยาบ้า มีผู้ใช้กว่า 1.5 ล้านคน ส่วนยาเสพติดประเภท กระท่อม สูงถึง 1.9 ล้านคน กัญชา สูงถึง 1.5 ล้านคน และยังมีสารเสพติดอื่น ๆ อย่างไอซ์ ยาอี เฮโรอีน เคตามีน ตามมาอีกจำนวนมาก ตัวเลขมหาศาลนี้สะท้อนว่า การเสพครั้งเดียว ไม่ได้จบลงง่าย ๆ เหมือนที่หลายคนคิด

หลายคนคงสงสัยแล้วว่า “ครั้งเดียว” ติดได้จริงหรือ?

ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) โดย รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ อธิบายว่า จากงานวิจัย

คนที่ลองเสพครั้งแรก มีถึง 1 ใน 3 ที่กลายเป็น “ผู้เสพติด” โดยกลุ่มสารเสพติดพวกที่กระตุ้นสมองแรง ๆ เช่น ยาบ้า โคเคน แอมเฟตามีน หรือแม้แต่นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า ยาเหล่านี้ทำให้สารเคมีในสมองหลั่ง โดปามีนเกินค่าปกติ สมองจะจำความรู้สึกดีแบบปลอม ๆ นี้ไว้ พอระดับโดปามีนตกลง สมองก็สั่งให้เกิดความต้องการ “อยากซ้ำ” และนี่คือจุดเริ่มต้นของวงจรเสพติดที่ยากจะหยุด มีงานวิจัยที่เชื่อถือได้จาก JAMA Network (Journal of the American Medical Association) องค์กรทางการแพทย์และวารสารวิชาการระดับโลก แสดงค่าประมาณการสัดส่วน “ผู้ติดยาเสพติดหลังใช้ยาครั้งแรก”

ตารางนี้แสดงค่าประมาณสัดส่วน “ผู้ติดสารเสพติด" หลังใช้เฮโรอีน "ครั้งแรก" อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 3 อัตราส่วนนี้คือค่าประมาณสัดส่วนผู้เสพติด หลังใช้สารเสพติดเฮโรอีน "ครั้งแรก" อยู่ที่ 23%-38% (summary estimate เฉลี่ยอยู่ที่ 30%) แหล่งข้อมูลอ้างอิง https://jamanetwork.com/journals/jamapsychiatry/fullarticle/2681168 

และไม่เพียงเท่านั้น ศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติด ยังพบว่าหากเสพอย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสสูงถึง 6.6% กลายเป็นผู้ติดรุนแรง (severe substance use disorder) ตามตารางด้านล่าง ข้อมูลจาก PubMed Central (PMC) เป็นฐานข้อมูลบทความวิจัยทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพแบบเปิด (Open Access) จัดทำโดย U.S. National Library of Medicine ภายใต้ National Institutes of Health (NIH) สหรัฐอเมริกา https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC5062605/#SD1 

สิ่งที่น่าห่วงคือเยาวชนยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมาก รายงานจากกระทรวงสาธารณสุขปี 2565 พบว่า มีเด็กอายุ 12–17 ปี และ 18-24 ปี เข้ารับการบำบัดถึงเกือบ 30,000 คน นี่คือสัญญาณบ่งชี้ชัดว่า “นักเสพหน้าใหม่” กำลังอายุน้อยลงเรื่อย ๆ

ดังนั้น คำถามที่อยากให้ทุกคน โดยเฉพาะวัยรุ่นรุ่นใหม่ที่กล้าได้กล้าลอง ลองหยุดคิดให้ดี…

คุณพร้อมจะเสี่ยงจริงหรือ? แค่ครั้งเดียวอาจไม่ได้จบแค่คำว่า “ลอง” แต่มันอาจเป็นการเปิดประตูไปสู่กับดักที่ยากจะหลุดพ้นที่สุดในชีวิต

ถ้าหลุดเข้าไปแล้ว ยังมีทางออก มีตัวช่วยจริง ๆ หรือไม่

การลองครั้งเดียวอาจพาไปสู่การเสพติด แต่การเลิกไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ ทุกคนสามารถเริ่มใหม่ได้ ถ้าเปิดใจและขอความช่วยเหลือ

สายด่วนแต่ละสายพร้อมช่วยคุณ แต่ละช่องทางมีจุดเน้นที่ต่างกัน เลือกได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะกับคุณ

  • 1165 สายด่วนบำบัดยาเสพติด จัดการโดย สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) → ให้คำปรึกษาโดยตรงเรื่องการบำบัดยาเสพติด พร้อมช่วยประเมินเบื้องต้นได้
  • 1386 แจ้งเบาะแสยาเสพติด จัดการโดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด → ใช้แจ้งเบาะแสและรับข้อมูลเกี่ยวกับการบำบัดรักษา
  • 1413 สายด่วนเลิกเหล้าและการเสพติด → ให้คำปรึกษาปัญหาการเสพติดหลายประเภท รวมถึงยาเสพติด
  • 1323 สายด่วนสุขภาพจิต → ให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่ใช้สารเสพติด และมีปัญหาจิตใจร่วมด้วย เช่น เครียด ซึมเศร้า หรือกังวลใจ

ข้อคิดทิ้งท้าย

การเลิกยาเสพติดไม่ใช่การเสียหน้า แต่คือการได้ชีวิตกลับคืนมา