ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล เผยตำรวจพร้อมสนับสนุนทหาร เพราะปฏิบัติภารกิจภายใต้ยุทธการทหาร ย้ำต้องฟังคำสั่งทหารตามกฎอัยการศึก
วันที่ 13 ตุลาคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ อยู่ในพื้นที่ “บ้านหนองจาน” อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
โดยได้บอกกล่าวกับกำลังพลที่ยืนรอรับว่า “สิ่งที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่นี่วันนี้ เพื่อจะมาบอกให้กำลังพลทุกนาย มีกำลังใจและกำลังกาย พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ ปกป้องแผ่นดินไทย และพร้อมปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่ทหารได้ให้เราปฏิบัติ ภายใต้กฎอัยการศึก ต้องเข้มแข็งและขอเป็นกำลังใจให้ แม้ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร” ก่อนจะมอบสิ่งของให้กับกำลังพลในพื้นที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
จากนั้นพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พร้อมคณะได้เดินเข้าไปสังเกตการณ์ บริเวณหน้าแนวรั้วลวดหนาม ที่มีสแลนสีดำปิดไว้ ด้านใน “บ้านหนองจาน” ระยะทางราว 500 เมตร เพื่อสำรวจดูจุดตรวจทหารของกัมพูชาที่มาสร้างไว้ และบ้านเรือนของชาวกัมพูชา 5 หลัง หนึ่งในนั้นมีบ้านของ ”กำนันลี“ ที่มาปลูกสร้างไว้ แต่ทหารไทยสามารถผลักดันและยึดคืนพื้นที่กลับมาได้ ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม พร้อมทั้งยังได้ดูตลอดแนวรั้วพื้นที่บ้านหนองจาน ซึ่งจุดนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
...
ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ บอกว่า “เรื่องกำลังใจ เป็นสิ่งแรกที่เราต้องถาม และตอนนี้ทุกคนมีกำลังใจดีมาก มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน / ส่วนเครื่องมือเครื่องใช้ เราได้มีการประชุมกับตำรวจที่กรุงเทพมหานคร เตรียมพร้อมเครื่องมือทุกอย่าง เพื่อนำของที่มีประสิทธิภาพจริงๆ เข้ามาเสริม ซึ่งไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงสำหรับการปฏิบัติงาน ตามที่ศาลได้สั่งการได้ร้องขอตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ชาวกัมพูชาที่ได้ทำร้ายตำรวจควบคุมฝูงชน เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ได้นำมาถอดบทเรียนอย่างไรบ้าง ผบ.ตร. บอกว่า เราถอดบทเรียนทุกขั้นตอน ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายตรงข้าม ก็จะทำเช่นกันและมียุทธวิธีที่สลับซับซ้อนมากขึ้น แต่เราต้องถอดบทเรียน เพื่อเตรียมในรายละเอียดต่อไป
ซึ่งตำรวจเรามีความพร้อม เพราะมีการหารือร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดตลอด และตำรวจเราอยู่ภายใต้ยุทธการของทหาร จึงต้องรอคำสั่งจากทหารตามกฎอัยการศึก ซึ่งทางออกร่วมกันคือการเจรจา แต่ถ้าเจรจาไม่ได้ ต้องใช้กฎหมาย ซึ่งก็มีกฎหมายหลายฉบับ หลายมาตรา ล่าสุดทราบว่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พูดคุยกับฝ่ายปฏิบัติการ เตรียมการอย่างรอบคอบมากขึ้นทุกระดับอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังพร้อมปฏิบัติงานในพื้นที่ ที่อาจเกิดการผิดพลาดและบานปลายได้ จึงต้องจัดกำลังควบคุมฝูงชน ซึ่งมีความจำเป็นในการยับยั้ง และสำหรับพื้นที่แนวหลัง เป็นการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนตลอดแนวชายแดน ทั้งการปฏิบัติการดูแลพื้นที่ให้ประชาชนเคลื่อนย้ายจากพื้นที่ไม่ปลอดภัยไปอยู่ศูนย์พักพิง ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของตำรวจ
ส่วนประเด็นการจับกุมแรงงานกัมพูชาที่ลักลอบเข้ามาเมื่อคืน ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมาย เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองของเพื่อนบ้านไม่สงบ ย่อมมีวิธีการเข้ามาหาพื้นที่สงบร่มเย็น แต่เมื่อเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตำรวจต้องดำเนินการตามความผิดพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายอีกฉบับและต้องเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เกิดการหลั่งไหลของประชากรที่เป็นคนต่างถิ่นหรือต่างชาติเข้ามา