อาหารที่มีคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่อยู่ในเทรนด์ยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ และผู้ผลิตอาหารส่งถึงมือผู้บริโภคต้องตระหนักถึงและตอกย้ำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพ อย่างล่าสุดเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เข้าร่วมงาน Thailand-China Cooperation Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของสองชาติในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการนำเสนออาหารคุณภาพสูงและปลอดภัยผ่านนวัตกรรมและความยั่งยืน ภายใต้แนวคิดหลัก "Quality through Sustainovation" ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
งานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย, นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
หลังพิธีเปิด คณะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง อาทิ นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย และ นายณรงศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน ได้เข้าเยี่ยมชมบูธซีพีเอฟ โดยมี นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ และ นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานคณะผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เครือซีพีและซีพีเอฟ ให้การต้อนรับ
...
จุดดึงดูดสายตาที่สุดของบูธซีพีเอฟคือการจัดแสดงความสำเร็จของโครงการ "ไก่ไทยไปอวกาศ" นับเป็นครั้งแรกของโลกที่อาหารไทยได้เดินทางไปกับภารกิจ Axiom Mission 4 ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของอาหารไทย ที่ผ่านการรับรองเทียบเท่ามาตรฐาน NASA สำหรับนักบินอวกาศ
ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงในอวกาศได้ที่บูธ ด้วยการถ่ายภาพกับ Giant Astronaut นักบินอวกาศขนาดยักษ์สูงเท่าตึก 2 ชั้น และเดินผ่านอุโมงค์อวกาศจำลองบรรยากาศการเดินทางสู่จักรวาล
นอกจากนวัตกรรมอวกาศแล้ว ที่บูธซีพีเอฟยังเป็นแหล่งรวมสินค้าคุณภาพจากแบรนด์ CP ที่ส่งตรงจากโรงงาน อาทิ เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิ, สเต็กสันคอหมูดำซีพีคูโรบูตะ และเมนูอร่อยอื่น ๆ ในราคาพิเศษ รวมทั้งยังมีโซน Dining Zone ที่รวบรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มยอดนิยมในเครือซีพีเอฟ เช่น Chester's, Five Star และ Star Coffee มาให้บริการ
ที่สำคัญ เครือซีพีและซีพีเอฟยังร่วมสนับสนุนงานในโซน Job Fair โดยเปิดรับสมัครและสัมภาษณ์ในตำแหน่งงานเด่นครอบคลุมทุกสาขา มากกว่า 1,000 อัตรา ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับบริษัทชั้นนำของไทยและจีนกว่า 50 แห่ง
มาร่วมค้นพบนวัตกรรมอาหารมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ได้ที่บูธซีพีเอฟ ในงาน Thailand-China Cooperation Expo 2025 จัดโดย หอการค้าไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย-จีน และสมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในไทย ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.
ทั้งนี้งาน Thailand-China Cooperation Expo 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ตอกย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยาวนานของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งเป็นเวทีที่รวบรวมบริษัทชั้นนำจากไทยและจีน เพื่อแสดงศักยภาพสินค้าและบริการ เปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)
...
มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Global Supply Chain Hub เน้นการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), พลังงานสะอาด, เกษตรเพื่อความยั่งยืน, และโลจิสติกส์ รวมทั้งสร้างโอกาสด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีโซนจัดงานมหกรรมการศึกษา (Education Fair) และมหกรรมสมัครงาน (Job Fair) เพื่อเชื่อมโยงผู้สมัครงานกับบริษัทชั้นนำของไทยและจีนอีกด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Thailand-China Cooperation Expo 2025” โดยนำเสนอ 5 มิติสำคัญ ที่จะเป็นแนวทางความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและจีนในอนาคต ได้แก่
...
1. เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ พัฒนาโครงการสำคัญ เช่น EEC และ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เพื่อสร้างเส้นทางการค้าและการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงทั้งสองประเทศ รวมถึงขยายไปถึงภูมิภาคอาเซียน
2. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด ไทยมุ่งเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ โดยมีจีนเป็นพันธมิตรหลัก นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศได้กำหนดแผนความร่วมมือระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2568 - 2572) เพื่อขยายสู่สาขายุทธศาสตร์ใหม่ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3. เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกัน เพื่อเชื่อมโยงระบบการเงิน การค้าข้ามพรมแดน และการวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยให้ SME และสตาร์ตอัพเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น
4. ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตร เสริมสร้างความร่วมมือด้านอาหารระหว่างไทยกับจีน ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประชาชนของทั้งสองชาติ
5. การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ส่งเสริมความเข้าใจและมิตรภาพผ่านการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากรวิชาชีพ รวมถึงการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นรากฐานความสัมพันธ์อันยาวนานของไทย-จีน
...
พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะทำงานร่วมกับจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมของภูมิภาค โดยจะเร่งลดอุปสรรคทางกฎระเบียบและเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจ เพื่อให้ภาคเอกชนทั้งสองประเทศเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง ไทยจะเป็นมากกว่าหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ แต่จะเป็น "สปริงบอร์ด" สำคัญ ที่จะนำความสัมพันธ์และโอกาสไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติของภูมิภาคนี้