แม่ทัพภาค 2 ยันทหารกัมพูชา ก่อกวนเคลื่อนจรวด BM-21 ชี้เป็นสัญญาณบอกเหตุ ส่วนระเบิดลงเนิน 498 ช่องบก อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมกับขอให้มั่นใจ "มทภ.2" คนใหม่ พร้อมทำหน้าที่


วันที่ 26 กันยายน 2568 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ว่า ตนได้รับทราบข้อมูลแล้ว และถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการถอนกำลัง และยังไม่ทราบว่า ในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งกำลังทหารก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว

ส่วนที่ปรากฏภาพเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าพื้นที่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ พลโท บุญสิน ระบุว่า เป็นสิ่งบอกเหตุว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งยอมรับว่า ผิดข้อตกลงอยู่แล้ว ก็ประท้วงไป

พลโท บุญสิน ยอมรับว่า เป็นการก่อกวนในช่วงที่จะมีการรับมอบตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพ แต่เชื่อว่า คงไม่มีผล เพราะ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ทำหน้าที่อำนวยการยุทธก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ซึ่งรู้ขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว ในขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็เคยอยู่กับรัฐบาลเดิมอยู่แล้ว พร้อมเชื่อว่า จะไปต่อได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งรอยต่อต่าง ๆ ไม่มีผลกระทบต่อไทย

ส่วนที่กรณีทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็ก และขว้างระเบิดเข้ามานั้น ไทยก็ต้องใช้ความอดทน และยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงมาโดยตลอด และเสียงปืน หรือเสียงระเบิด ก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกันอีกครั้ง ซึ่งผู้นำทางทหารของทั้ง 2 ประเทศต้องไปพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า การตอบโต้เป็นอำนาจการตัดสินใจของทหาร หรือรัฐบาล พลโท บุญสิน ระบุว่า ต้องเป็นการตัดสินใจร่วมกัน และต้องพิจารณาให้ครบถ้วนว่า ข้อดี ข้อเสีย ที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติ และความมั่นคง รวมถึงสิ่งที่จะได้มาคุ้มค่า หรือไม่ ซึ่งหากการปะทะมีเหตุผลน้อย และไม่เพียงพอ อาจจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ แต่ถ้ามีเหตุผลเราก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย

...

เมื่อถามย้ำว่า ทหารมีอำนาจเต็มใช่หรือไม่ พลโท บุญสิน ระบุว่า ถ้าเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้า เฉพาะหน้า มีอำนาจเต็มอยู่แล้ว

ส่วนกรณีพนักงานขนส่งพัสดุ ของบริษัทหนึ่ง โพสต์ภาพที่ตั้งของรถถังที่ประจำอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เราขอความร่วมมือในการเผยแพร่ภาพการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือพิกัดทางการทหาร ซึ่งในห้วงนี้ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายอะไร อาจจะเป็นภาพเก่า เพราะเราได้หยุดการเคลื่อนไหวตามข้อตกลงหยุดยิงอยู่แล้ว มองว่า เป็นภาพเก่าที่นำมารีวิวใหม่ จึงขอฝากประชาชนไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว ให้ลดการโพสต์ เพื่อรักษาความลับทางราชการ

เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าว มีระเบิดลงที่เนิน 498 ช่องบก อุบลราชธานี พลโท บุญสิน ระบุว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และสิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักฐานที่เราต้องเก็บรวบรวมไว้ เพื่อนำไปประท้วงกับคณะผู้สังเกตการณ์ หรือ IOT

เมื่อถามว่าเมื่อใดทหารไทยจะเลิกเป็นสุภาพบุรุษ พลโท บุญสิน ยิ้ม และตอบ ว่า กองทัพจะต้องเป็นสุภาพบุรุษในระดับหนึ่ง แต่เมื่อมีเหตุหรือเงื่อนไข สถานการณ์ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย เราก็ต้องทำหน้าที่ เพราะเราเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว และไม่ควรทำตามกระแส ซึ่งจะทำอะไรก็ต้องมีเหตุและผล รวมถึงความมั่นคงของประเทศชาติ และภาพรวม

พลโท บุญสิน ไม่เป็นห่วงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ว่า กำลังเกษียณอายุราชการอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะมีบุคคลที่มารับหน้าที่ต่อเนื่องได้อยู่แล้ว อีกทั้งตนก็ยังอยู่เป็นที่ปรึกษาของ ผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ก็เคยเป็นรองแม่ทัพ 2 และอยู่ในพื้นที่มาโดยตลอด

ในขณะที่การทำงานร่วมกับรัฐบาลก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันอยู่แล้ว เพราะรัฐมนตรีช่วยกลาโหมก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 26 คุยกันได้อยู่แล้ว และตนเตรียมจะลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ และจะอยู่ในพื้นที่จนกระทั่งวันสุดท้าย ซึ่งหลังจากเกษียณก็ยังไม่ไปไหน ยังอยู่กับประชาชน และทำงานตามที่ ผบ.ทบ.มอบหมาย

เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ระบุว่า ให้ทหารสามารถตัดสินใจได้ทันทีนั้น พลโท บุญสิน ระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยเฉพาะเรื่องที่กระทบกับความมั่นคงในภาพรวม เพราะการตัดสินใจฝ่ายเดียวอาจจะสูญเสียบางอย่าง

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ. ได้ฝากอะไรไว้หรือไม่เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ตึงเครียด แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เราก็ร่วมกันแก้ปัญหา นำพาประเทศให้เกิดความเรียบร้อย

พร้อมทั้งยืนยันว่า แม้ฝ่ายกัมพูชาจะใช้อาวุธเล็ก ก็ยังไม่สามารถใช้อาวุธใหญ่ได้ จนกว่ากัมพูชาจะนำอาวุธใหญ่ออกมาใช้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นรังแก

เมื่อถามว่า หากเริ่มช้าจะเสียเปรียบหรือไม่ พลโท บุญสิน ระบุว่า ต้องดูตามห้วงเวลา.



เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นี่