รอง ผกก.ควบคุมฝูงชน ย้ำเจ้าหน้าที่ทำตามหลักสากล กรณีสถานการณ์ตึงเครียดที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ใช้อุปกรณ์พิเศษเท่าที่จำเป็น พร้อมยืนยันไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เน้นป้องกันเจ้าหน้าที่

ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 พ.ต.ท.ศรายุทธ อรุณฉาย รองผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (รอง ผกก.ฝอ.บก.คอฝ.) เปิดเผยถึงยุทธวิธีและแนวปฏิบัติในการควบคุมฝูงชนว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคู่มือการควบคุมฝูงชน พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดขั้นตอนการทำงานแบบไล่ระดับ เริ่มจากการตั้งแถว การเคลื่อนกำลัง (Move-in) การแจ้งเตือน การเจรจา หากไม่เป็นผลและสถานการณ์รุนแรงขึ้นจึงจะใช้อุปกรณ์พิเศษ เช่น แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำ หรือกระสุนยาง และหากเกิดการเผชิญหน้าในระยะประชิดและรุนแรงมากอาจต้องใช้อาวุธปืน ซึ่งเป็นหลักการปฏิบัติในระดับสากล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หน้างาน

โดยเหตุการณ์เมื่อวันที่ผ่านมา ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตนมองว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีการรุกล้ำเข้ามาและขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ถือเป็นเหตุอันควรที่เจ้าหน้าที่สามารถตอบโต้ได้อย่างชอบธรรมด้วยการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางในการควบคุม ซึ่งบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาน้อยเกินไป พ.ต.ท.ศรายุทธชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานส่วนใหญ่ไม่มีหน้ากากป้องกัน และไม่สามารถคาดเดาทิศทางลมได้ หากใช้แก๊สน้ำตาจำนวนมากจะกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ จะส่งผลกระทบทั้งฝั่งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่เอง

พ.ต.ท.ศรายุทธ ยืนยันว่าอุปกรณ์ที่ใช้ เช่น แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยแก๊สน้ำตาจะทำให้แสบร้อนหรือหายใจติดขัดแต่จะทุเลาเอง ส่วนกระสุนยางเจ้าหน้าที่มีเป้าหมายยิงต่ำกว่าระดับศีรษะเพื่อลดอันตราย อย่างไรก็ตามระหว่างการควบคุมฝูงชนที่มีการเคลื่อนไหวอาจเกิดความคลาดเคลื่อนบ้าง

และการใช้อุปกรณ์พิเศษเป็นการป้องกันเจ้าหน้าที่เอง เพราะไม่อาจรู้ได้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือไม่ โดยกระสุนยางจะใช้ในระยะไม่ต่ำกว่า 10-15 เมตร และไม่เกิน 25 เมตร ขณะที่แก๊สน้ำตาแบบขว้างจะใช้ในระยะ 10-25 เมตร และแบบยิงใช้ในระยะ 50-150 เมตร ทั้งนี้หากการเจรจาและการเตือนบรรลุผล เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้มาตรการรุนแรง

นอกจากนี้ยังมีการใช้เครื่องเรดาร์เสียง L-RAD ซึ่งปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อผลักดันกลุ่มฝูงชนให้ออกไป หากอยู่ใกล้และนานอาจส่งผลกระทบต่อการได้ยิน เครื่องดังกล่าวจะใช้เฉพาะกรณีจำเป็นเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง โดยเสียงมีความถี่สูงกว่าเสียงเครื่องบินขึ้นจากสนามบินอีก

พ.ต.ท.ศรายุทธ ระบุว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าฝ่ายกัมพูชามีเจตนายุยงให้ไทยใช้ความรุนแรง ซึ่งตนไม่เห็นด้วยเพราะจะก่อปัญหามากขึ้นและกระทบชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมย้ำว่าการควบคุมฝูงชนเมื่อวานใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก โดยมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจนกับทหาร และภารกิจควบคุมฝูงชนเป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่ใช่ของทหาร

...