"ชาวบ้านกัมพูชา" รื้อรั้วลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ทำบรรยากาศตึงเครียด สุดท้ายทหาร 2 ฝ่ายเจรจาก่อนสถานการณ์คลี่คลาย

วันที่ 17 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นที่บริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังได้รับรายงานว่า ทหารกัมพูชาได้เกณฑ์ชาวบ้านจำนวนหนึ่งรวมถึงผู้พิการ เข้ามาบุกรื้อแนวรั้วลวดหนามซึ่งฝ่ายไทยติดตั้งไว้เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าออกพื้นที่ชายแดน

จากการตรวจสอบพบว่า นอกจากชาวบ้านบางส่วนจะร่วมกันรื้อรั้วลวดหนามแล้ว ยังมีการขโมยลวดหนามบางม้วนกลับไปวางใกล้บ้านของตนเอง โดยคาดว่ามีเจตนานำไปขายหรือใช้ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เนื่องจากฝั่งกัมพูชามีการใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์กดดันแนวชายแดน

...

สำหรับบรรยากาศความตึงเครียดดำเนินต่อเนื่องยาวนานจนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 22.40 น. พันเอก ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับการกองกำลังเฉพาะกิจที่ 12 (ผบ.ฉก.12) กองกำลังบูรพา ได้เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ พร้อมทั้งเข้าร่วมเจรจากับฝ่ายกัมพูชา โดยมีล่ามช่วยแปลภาษาในการเจรจา

ทั้งนี้ พันเอกชัยณรงค์ ได้ยืนยันอย่างชัดเจนต่อฝ่ายกัมพูชาว่า รั้วลวดหนามที่ถูกทำการรื้อออกไปนั้น เป็นรั้วแนวเดิมที่ฝ่ายไทยได้ติดตั้งไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีการเพิ่มเติมหรือรุกล้ำเข้าไปในฝั่งกัมพูชาแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถนำหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหาที่ระบุว่าไทยบุกรุกได้
เมื่อไม่มีข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งการเจรจาเป็นไปด้วยเหตุผล ทำให้ทหารกัมพูชาและกลุ่มชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์เข้ามายอมถอนกำลังและสลายตัวกลับไปในที่สุด สถานการณ์จึงคลี่คลายลงโดยไม่เกิดเหตุรุนแรงหรือการปะทะ

ขณะที่ เฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า "กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ชาวกัมพูชารื้อลวดหนามบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยืนยันอยู่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจน และการกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 เวลา 14.30 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพา กรณีเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านกัมพูชาได้แสดงความไม่พอใจ และรื้อลวดหนามบางส่วน บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยแจ้งว่าทหารไทยกำลังล้อมลวดหนามเพิ่มเติมจากแนวเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่าทหารกัมพูชาอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุด้วย

ภายหลังเกิดเหตุ กองกำลังบูรพาจึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมประสานไปยังหน่วยทหารกัมพูชาที่ควบคุมพื้นที่ ให้เข้าชี้แจงชาวกัมพูชาให้หยุดการกระทำดังกล่าว จนสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติ

ต่อกรณีดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงคือบริเวณแนวลวดหนามป้องกันตนเองดังกล่าวนั้น อยู่ในพื้นที่อธิปไตยไทยอย่างชัดเจน แม้ว่าปัจจุบันเหตุการณ์คลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติแล้ว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มองว่าเข้าข่ายการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิง ที่ฝ่ายกัมพูชามีการกระทำที่แสดงออกถึงการยั่วยุฝ่ายไทย โดยการใช้ประชาชนมาแสดงออก โดยที่ฝ่ายทหารกัมพูชาเพิกเฉย ไม่ได้พยายามที่จะดำเนินการห้ามปรามใดๆ อีกทั้งมีความพยายามสร้างกระแสบิดเบือนข้อมูล ว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทั้งที่จริงแล้วเป็นพื้นที่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจน ซึ่งฝ่ายไทยจะได้รวบรวมหลักฐานประท้วงผ่านกลไกสากลต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงที่มีระหว่างกันของฝ่ายกัมพูชาต่อไป".