ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา ย้ำปฏิบัติตามกฎหมายสากล ตรึงกำลังเข้มเฝ้าระวังชายแดน “บ้านหนองจาน” หากตรวจพบผู้ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ไทย โดยพกพาอาวุธและมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคง จะถือว่าเข้าข่ายเป็น “กำลังติดอาวุธ” พร้อมดำเนินการทันที
ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 บริเวณ บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา (ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา) เปิดเผยถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน ว่า ขณะนี้กองกำลังไทยยังคงตรึงกำลังเข้มแนวหน้า พร้อมมีการสับเปลี่ยนกำลังพลอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความเหนื่อยล้าและรักษาประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่
พ.อ.ชัยณรงค์ ระบุว่า หากตรวจพบผู้ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ไทยโดยพกพาอาวุธและมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคง จะถือว่าเข้าข่ายเป็น “กำลังติดอาวุธ” ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามกรอบกฎหมายได้ทันที แต่หากเป็นประชาชนทั่วไป จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดและระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิของประชาชน
ทั้งนี้ ผบ.ฉก.อรัญประเทศ ย้ำชัดว่า นโยบายสำคัญคือ “ไม่เดินตามเกมของฝ่ายตรงข้าม” แต่จะยึดตามแนวทางของกองทัพและนโยบายด้านความมั่นคง โดยเน้นการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
...
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและกองกำลังในพื้นที่ยังคงบูรณาการทำงานอย่างใกล้ชิด มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
ขณะเดียวกัน อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังรายหนึ่งได้เดินทางลงพื้นที่บ้านหนองจาน หลังจากเห็นคลิปการไลฟ์สดของฝั่งกัมพูชา โดยเปิดเผยความรู้สึกว่า เมื่อได้เห็นแววตาของเจ้าหน้าที่ทหารไทยที่ยืนปฏิบัติหน้าที่แนวหน้า ทำให้ตนเองรู้สึกเห็นใจและสงสารกับความอดทนของพี่น้องทหารที่ต้องเผชิญการยั่วยุจากฝั่งกัมพูชา พร้อมทิ้งคำถามว่า “เราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่” ทั้งที่ทุกคนต่างยืนยันตรงกันว่า จุดเกิดเหตุเมื่อวานนี้ ยังคงอยู่ในเขตแผ่นดินไทยอย่างชัดเจน
รายงานข่าวแจ้งว่า บางช่วงบางตอนผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีหากมีผู้ถืออาวุธเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย เราสามารถควบคุมตัวได้เลยหรือไม่ พ.อ.ชัยณรงค์ กล่าวว่า ถ้าเป็นทหารถืออาวุธ เราสามารถดำเนินการได้เลย แต่ถ้าเกิดเป็นชาวบ้าน ก็ต้องปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม