คุมตัว ทหารกัมพูชา หน่วย BHQ ออกจากห้องขัง ยังปฏิเสธลั่นไม่ได้เป็นสายลับ หรือองครักษ์ใคร พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ทั้งชื่อทางทหาร ชื่อในพาสปอร์ต ชื่อในบัตรประชาชน และชื่อในบัตรที่ทำงาน เบื้องต้นถูกแจ้งก่อน 2 ข้อหา
ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ที่สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดบุรีรัมย์ ทำการ ควบคุมตัวนายดาวิน อายุ 36 ปี อดีตทหารกัมพูชาหน่วย BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ออกมาจากห้องคุมขัง พร้อมนำตัวขึ้นไปสอบสวนกับเจ้าหน้าที่กองทัพภาค 2 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำดวน อ.กระสัง และตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์
ระหว่างที่นำตัวออกมานั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายดาวิน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน หรือไม่ หรือเป็นสายลับจากทางกัมพูชาหรือไม่ ทางนายดาวินนั้นได้มีการปฏิเสธทุกคำถามของสื่อ ว่า "ไม่ใช่ครับ ไม่ได้เป็นสายลับ หรือองครักษ์ใคร" และเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบคุมตัวนายดาวินไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างชุลมุน / โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสอบปากคำชั้น 2 ต่อคาดว่าจะใช้เวลาสอบเสร็จสิ้นภายในวันนี้
...
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำดวน ได้ร่วมกันสอบปากคำ ชายชาวกัมพูชาดังกล่าวเพิ่มเติมหลัง จากการตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืน 1 กระบอก และชุดทหารเขมร ยศร้อยเอก และติดตราสัญลักษณ์หน่วย BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน อีกหลายชุด เบื้องต้นตำรวจคาดว่ามาฝังตัวส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา
ซึ่งจากการสอบสวน นายดาวิน อ้างว่า เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ได้ลาออกมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีภรรยาเป็นคนไทย และทำงานอยู่ในไทยมาหลายปีแล้ว และมาอยู่ในพื้นที่ อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านภรรยาได้ประมาณ 1 ปี อีกทั้งยังอ้างว่าถูกสวมชื่อ
ซึ่งจากการตรวจสอบ พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ทั้งชื่อทางทหาร ชื่อในพาสปอร์ต ชื่อในบัตรประชาชน และชื่อในบัตรที่ทำงาน ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่ามีการจ่ายเงินให้นายหน้าชาวกัมพูชา ที่พาเข้า 4,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การของหนุ่มกัมพูชาคนดังกล่าว เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ คอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับความมั่นคงของไทยไปให้ฝั่งกัมพูชา เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลพบเพิ่งลักลอบเดินทางเข้ามาในไทยช่วงกลางเดือน ก.ค.68 ที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบมีรูปถ่ายการแต่งกายทหารและถืออาวุธสงคราม แต่ก็ต้องตรวจสอบในเชิงลึกอย่างละเอียด ว่ามีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับด้านความมั่นคงของฝ่ายไทยไปให้กัมพูชาหรือไม่
เบื้องต้นทางตำรวจก็จะดำเนินคดีข้อหา "มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต" แต่ถ้าในมือถือมีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับด้านความมั่นคงของไทยไปให้กัมพูชาหรือกระทำการใดๆ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
...
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า บางช่วงบางตอนระหว่างถูกสื่อมวลชนยื่นไมค์ซักถาม นายวิน ได้หลุดออกมาว่า "เป็นทหารมาได้ 9 เดือน"