ยุทธการตราดพิฆาตไพรี 1 นำมาใช้ตอบโต้ทางทะเล หลังฝั่งกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุด บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ก่อนฝ่ายตรงข้ามล่าถอย ย้อน 40 ปี สมรภูมิบ้านชำราก บทเรียนสำคัญทำให้กองทัพเรือต้องวางกำลังในเขตแดนทางทะเล
เมื่อวาน 25 ก.ค. 68 กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดออกหนังสือประกาศกฎอัยการศึกเพิ่มเติม หลังพบความเคลื่อนไหวกองกำลังฝั่งกัมพูชา เรียกพล จนเมื่อคืน วันนี้ (26 ก.ค. 68) เวลา 05.10 น. มีการปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่ตามแนวชายแดนที่เข้าสู่วันที่ 3
โดยรอบนี้ทหารกัมพูชาเปิดฉากโจมตีทหารไทย บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทำให้ทหารจากกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดตอบโต้ทันที และกองทัพเรือเปิด “ยุทธการตราดพิฆาตไพรี 1” ปกป้องอธิปไตย ผลักดันทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชาวางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุด บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด เมื่อเวลา 05.40 น. กำลังทหารเรือสามารถผลักดันฝั่งกัมพูชาให้ถอยออกไป
ย้อนกลับไปในอดีตครั้งสมรภูมิบ้านชำรากในปี พ.ศ. 2528 อาสาสมัครทหารพราน สมจิตร บุญกระจาย สมาชิกพรานบูรพา อดีตทหารพรานนาวิกโยธิน กล่าวว่า “รู้สึกภาคภูมิใจและมีเกียรติที่ประชาชน ผู้บังคับบัญชายังไม่ลืม และคิดว่าตรงนี้จะสืบสานเป็นอนุสรณ์ และหวังว่านานไปอยากให้มีคนมาท่องเที่ยวและกราบไหว้บรรพบุรุษในการร่วมรบ”
...
เหตุการณ์ยุทธการบ้านชำรากถือเป็นเหตุการณ์ต่อสู้ของทหารนาวิกโยธิน กองทัพเรือครั้งสำคัญ นับตั้งแต่ 20 เมษายน 2528 กองกำลังทหารฝ่ายเวียดนามปฏิบัติการโจมตีกวาดล้างกำลังทหารกัมพูชาประชาธิปไตย ซึ่งมีฐานที่มั่นตามแนวชายแดนบริเวณเทือกเขาบรรทัด การโจมตีของกองกำลังเวียดนาม มีกำลังรบและอาวุธสนับสนุนที่เหนือกว่าทำให้กำลังของทหารกัมพูชาประชาธิปไตยไม่สามารถต้านทานการเข้าตีของกำลังเวียดนามได้ จึงแตกถอยร่นเข้ามาในเขตประเทศไทย
กำลังทหารเวียดนามรุกไล่ติดตามเข้ามาในเขตประเทศไทยและทำการยึดพื้นที่ ตลอดจนสร้างที่มั่นแข็งแรง ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดในขณะนั้นจึงดำเนินการวางแผนปฏิบัติการตีโต้ตอบเพื่อผลักดันกำลังเวียดนามที่รุกล้ำเข้ามาให้ออกนอกเขตแดนไทยโดยเร็ว
ผลการปฏิบัติฝ่ายเราสามารถผลักดันขับไล่ทหารเวียดนามประมาณ 3 กองพันที่รุกเข้ามายึดพื้นที่ในเขตประเทศไทยให้ถอนกลับออกไปจากเขตประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2528 ได้วางกำลังยึดรักษาพื้นที่บริเวณนั้นได้เพื่อป้องกันมิให้ทหารเวียดนามรุกล้ำเขตแดนเข้ามาอีก ผลจากรบในครั้งนั้น ทหารเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บจากการรบ 68 นาย ป่วยจากมาลาเรีย 584 นาย