กรมอุตุ เตือนพายุวิภา "ลมแรง-ฝนตกสะสม" เข้าไทย 21- 22 ก.ค.นี้ เฝ้าระวัง 7 จังหวัดเสี่ยงภาคเหนือ เทียบความแรงเท่าพายุยาหงิ คาดเชียงราย – เชียงใหม่ตอนบนอ่วมสะสม จับตาพายุลูกใหม่ถล่มซ้ำเดือน ส.ค.


สมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศและรองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา เล่าว่า การเคลื่อนตัวของพายุวิภา ตอนนี้ (21 ก.ค.68) ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่จีนตอนใต้ตามแนวชายฝั่ง เป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง เคลื่อนที่ค่อนข้างเร็ว คาดว่าก่อนเที่ยงคืนวันนี้เคลื่อนเข้าสู่ประเทศเวียดนาม จากนั้นกลางดึกคืนนี้ 21- 22 ก.ค.68 แผ่อิทธิพลไปยังพื้นที่ จ.นครพนม จ.สกลนคร จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ และ จ.อุดรธานี

...


ทิศทางของพายุวิภา จะเคลื่อนตัวเหมือนลูกข่างไปยังพื้นที่ภาคเหนือ เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงผ่านพื้นที่ภาคเหนือ วันที่ 22 – 24ก.ค.68 จ.เชียงราย จ.น่าน จ.พะเยา จ.อุตรดิตถ์ ทำให้พื้นที่นี้เสี่ยงมีฝนตกหนัก ขณะที่อิทธิพลของพายุวิภา ก็ทำให้มีฝนตกบริเวณฝั่งภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี

"จุดน่าห่วงว่าจะเกิดน้ำท่วม บริเวณชายแดน จ.ตาก จ.แม่ฮ่องสอน บริเวณริมน้ำเมย อาจมีผลทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก บริเวณพื้นที่ฝั่งนี้ แม้ไม่ได้รับผลกระทบจากพายุโดยตรง ด้วยลมพายุที่รุนแรง มีโอกาสที่พายุเคลื่อนตัวส่งผลกระทบได้เช่นกัน"


ถ้าดูจากสถิติพายุที่ผ่านมา พายุวิภา มีความรุนแรงเหมือนกับ พายุยาหงิ ที่มีอิทธิพลทำให้ฝนตกหนักเมื่อปี 67 โดยเส้นทางการเคลื่อนตัวของพายุคล้ายกัน แต่พายุยาหงิ จะเป็นช่วงมรสุม แต่ตัวแปรที่ทำให้พายุวิภา อ่อนกำลังลงมีมากกว่า เช่น มวลอากาศเย็นที่กระทบกับพายุทำให้อ่อนกำลังลง แต่ตัวพายุยาหงิ จะมีความชื้นเข้ามาเสริมทำให้ฝนตกหนัก

พายุวิภา ถ้าเทียบความรุนแรงของพายุที่ไทยเคยเจอมาอยู่ที่ระดับ 4 มีแนวโน้มอ่อนตัว ตอนนี้วงรอบของพายุที่เคลื่อนตัวมามีความแคบลง และถ้าพื้นที่การเคลื่อนตัวปะทะกับแนวเขาในประเทศเวียดนาม ทำให้พายุอ่อนกำลังลงก่อนเข้าไทย

การเคลื่อนตัวเข้าไทยของพายุวิภา สิ่งที่น่าห่วงคือ จ.เชียงราย ในพื้นที่แม่น้ำสาย บริเวณที่มีชายแดนติดกับเมียนมา จะมีดินโคลนถล่มที่มาพร้อมกับน้ำ ขณะเดียวกัน ด้วยแนวเคลื่อนพายุที่จะผ่านประเทศลาว ทำให้มวลน้ำสะสมในแม่น้ำโขง ค่อนข้างมาก และมีน้ำท่วมล้นตลิ่งได้


ส่วนความแรงลมของพายุวิภา มีความแรงลมเทียบเท่าพายุโซนร้อนกำลังแรง ที่จะมีความรุนแรงอยู่ที่ 2 – 3 ชั่วโมง ก่อนลดกำลังแรงลมลง คาดพายุวิภา มีความแรงลมไม่เกิน 118 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ที่น่าสนใจของพายุวิภาคือ ปกติพายุที่ก่อตัวจะเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือ แต่พายุวิภา เคลื่อนตัวตามแนวชายฝั่ง เลยทำให้พายุมีกำลังแรงเพิ่มขึ้นและลดลงในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งถ้าไปปะทะกับภูเขาสูง แรงพายุจะหมุนวนเป็นลูกข่าง

"พายุวิภา มีความเสี่ยงในบางจุดที่ฝนจะตกแช่อยู่จุดเดียว ทำให้มีฝนตกหนักสลับเบาตั้งแต่ จ.น่าน จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ตอนบน มีฝนตกสะสมตั้งแต่ 50 – 150 มิลลิเมตร/วัน"


...

ส่องโอกาสไทย มีพายุซ้ำอีกลูก


สมควร มองว่า ไทยยังมีโอกาสที่หลังจากพายุวิภา ผ่านไปแล้วมีพายุลูกใหม่เคลื่อนตัวมาทำให้ฝนตกหนักซ้ำในเดือน ส.ค.- ต.ค.นี้ เหมือนกับปีก่อน ที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมและทำให้เกิดดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมในหลายพื้นที่ที่ระบายน้ำไม่ทัน โดยเฉพาะพื้นที่เชียงราย

ต้องจับตาว่า หลังพายุวิภา เคลื่อนผ่านไป มีพายุที่เริ่มก่อตัวในประเทศฟิลิปปินส์ ที่ต้องมาดูว่าทิศทางจะเคลื่อนตัวผ่านไทยอีกไหม

สรุปแล้วพายุวิภา สิ่งที่ต้องระวังคือ ลมกรรโชกแรง และการทำให้ฝนตกแช่บางพื้นที่ขณะทำให้เกิดดินถล่ม มีน้ำสะสมตามแม่น้ำสายหลัก ดังนั้น ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรมีการเตรียมความพร้อม และรับมือให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

...


กรมทรัพยากรธรณี เตือนพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม



กรมทรัพยากรธรณีแจ้งเฝ้าระวังแผ่นดินถล่ม ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค. 68 โดยขอให้อาสาสมัครเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี ราชบุรี เลย อุดรธานี หนองคาย จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา และภูเก็ต เฝ้าระวังภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก

โดยมีข้อแนะนำดังนี้

-ติดตามข้อมูลสภาพอากาศและปริมาณน้ำฝน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักมากกว่า 100 มม./24 ชั่วโมง

- พื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมถึง ควรเก็บข้าวของ/สัตว์/สิ่งของต่างๆ ขนย้ายขึ้นที่สูง หรือที่ปลอดภัย

- สังเกตสิ่งบอกเหตุต่างๆ เช่น สีของน้ำขุ่นข้น มีเศษซากไม้ลอยตามน้ำมา ฯลฯ

...

- หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามทางน้ำ/เดินลัดลำน้ำ หรือลงน้ำหาปลา/สัตว์น้ำอื่นๆ

- ควรจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

- มีการแจ้งเตือนภัยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และท้ายน้ำ

- เตรียมไฟฉายหรืออุปกรณ์ส่องสว่างไว้ให้พร้อม

- ตื่นตัวและเตรียมพร้อมไปยังจุดปลอดภัยอยู่เสมอ