พระธรรมวชิราภรณ์ หรือ “เจ้าคุณริด” เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า เปิดใจกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ร่ำไห้สะอื้นลาสิกขา หลังเคยร่วมงานทางพระพุทธศาสนากันมาก่อนหลาย 10 ปี ได้แค่ตบไหล่ให้กำลังใจ บอก สู้ๆ นะ ต้องเข้มแข็ง เพราะชีวิตเราต้องเดินต่อ ไม่ไปยึดติดกับสิ่งอดีต ต้องอยู่กับปัจจุบันให้ได้ เพื่อเดินไปสู่อนาคต
จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 พระเทพวชิรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง หลังมีข่าวถูกพาดพิงมีความเกี่ยวข้องกับ “สีกากอล์ฟ” ได้เข้าพบซึ่งพระธรรมวชิราภรณ์ (ริด ริตเวที ป.ธ.๙) หรือ “เจ้าคุณริด” เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า พระอารามหลวง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ (อดีตเจ้ารองคณะภาคหลังจากหมดวาระไปเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา-ปัจจุบันมีเพียงตำแหน่งเจ้าอาวาสเท่านั้น) เพื่อทำการลาสิกขา โดยใช้เวลาลาสิกขาภายในโบสถ์วัดตากฟ้าพระอารามหลวง ประมาณ 20 นาที
โดยหลังจากนั้น ได้เดินทางกลับ โดยการมาครั้งนี้มากับคนขับรถ 2 คนเท่านั้น และขอสงวนสิทธิในการให้สัมภาษณ์และบันทึกภาพกับสื่อ ส่วนทางด้านพระธรรมวชิราภรณ์ (ริด ริตเวที ป.ธ.๙) หรือ “เจ้าคุณริด” เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า พระอารามหลวง ก็ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากต้องเดินทางไปทำศาสนกิจที่จังหวัดพิษณุโลก ตามหมายกำหนดการที่ได้ประสานไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดตากฟ้า พระอารามหลวง เพื่อสอบถามความคืบหน้ากับ พระเทพปัญญาภรณ์ (ริด ริตเวที ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า หลังจากช่วงเช้า พระเทพวชิรสิทธิเมธี อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จังหวัดพิจิตร เดินมาทำการลาสิกขาที่วัดตากฟ้าพระอารามหลวงแห่งนี้ กับท่านเจ้าอาวาสวัดตากฟ้าโดยตรง
ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่เคยร่วมงานทางพระพุทธศาสนากันมาก่อนหลาย 10 ปี โดยท่านเจ้าอาวาสวัดตากฟ้า บอกว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าหลวงมากับคนขับรถเพียง 2 คน โดยใช้รถเก๋งสีเทา โดยท่าทีที่เห็นใบหน้าเศร้าหมอง มีน้ำตาซึมออกมาตลอด จนอาตมาเองก็ไม่กล้าจะพูดหรือถามอะไรกันมาก
แต่เมื่อหลังจากได้ทำการลาสิกขาแล้ว ก็เพียงได้แต่ตบไหล่ให้กำลังใจกัน ในฐานะเพื่อนที่เคยร่วมงาน โดยเฉพาะอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง บวชเรียนมาตั้งแต่อายุประมาณ 12-13 ปี ก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเป็นธรรมดา เหมือนกับคนเราที่อยู่ด้วยกันมาตลอดเวลา แต่ต้องมาถึงเวลาที่พลัดพราก
...
โดยเจ้าอาวาสวัดตากฟ้า กล่าวถึงในมุมดีๆ ระบุว่า ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ก็สร้างคุณงามความดีให้กับสังคมไว้มาก ส่วนเรื่องต่อไปของอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จะทำอะไร อาตมาก็ไม่ได้ถาม เพราะเชื่อว่าท่านยังอยู่ในช่วงที่เศร้าโศกเสียใจ แต่เชื่อว่าอาจจะไปพักที่ไหนสักแห่งและเพื่อเตรียมตัวเก็บข้าวของ และอาจจะต้องรวบรวมสติสมาธิและปัญญา เพื่อทดแทนกับเรื่องที่เสียไป โดยอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวงใช้เวลาอยู่ที่วัด 20-30 นาทีเท่านั้น จากนั้นจึงเดินทางกลับ
“แต่ก็อยากจะฝากถึงชาวพุทธอย่าไปซ้ำเติม ท่านพลาดไปด้วยการกระทำ ซึ่งเป็นวิบากกรรมของท่านเอง อดีตพระทุกรูปที่ผิดพลาดไป และให้เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป เชื่อว่าพระทุกรูปที่ลงผิด คงจะตามเหตุการณ์ครั้งนี้ไปตลอดชีวิต”
บางช่วงบางตอนผู้สื่อข่าวถาม พระเทพปัญญาภรณ์ ว่า หลวงพ่อได้ให้กำลังใจอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร อย่างไรบ้างในฐานะที่เคยร่วมงานกัน พระเทพปัญญาภรณ์ กล่าวว่า ก็ให้กำลังใจ ได้แค่ตบไหล่ บอกท่านว่าสู้ๆ นะ ต้องเข้มแข็ง เพราะชีวิตเราต้องเดินต่อ ไม่ไปยึดติดกับสิ่งอดีต แต่สิ่งอดีตให้เป็นครู เราต้องอยู่กับปัจจุบันให้ได้ เพื่อเดินไปสู่อนาคต
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ท่านน้ำตาไหลร้องไห้มั้ย พระเทพปัญญาภรณ์ กล่าวว่า ท่านร้องไห้อยู่แล้ว เป็นธรรมดาชีวิตมันผูกพันกับผ้าเหลืองมาตั้งหลายสิบปี จู่ๆ จะต้องจากผ้าเหลืองที่ตัวเองเคยห่มอยู่
...