อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิต สมัครใจลาสิกขา ยอมรับอ่อนต่อโลก ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่โอนเงิน 12.8 ล้านบาท จากบัญชีส่วนตัว และโอนจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ให้ “สีกากอล์ฟ” ไปทำธุรกิจส่วนตัว โดยไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร พบเข้าข่ายความผิด ม.157

จากกรณีพระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ทำหนังสือถึงพระราชวชิรสารสุธี เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ธรรมยุต) เรื่องขอลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง โดยระบุว่าเนื่องจากกระผมตกเป็นข่าวด้านลบทางสื่อสารมวลชน ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวัดและหมู่คณะสงฆ์เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงขอลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบความจริงต่อไป ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.2568

ขณะเดียวกัน พระราชวชิรสารสุธี เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ธรรมยุต) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม โดยแต่งตั้งให้พระเทพวชิรกิตติ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร รองเจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ที่วัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่เพื่อขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดพร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ ในฐานะพยานนานเกือบ 3 ชั่วโมง

ภายหลังการสอบปากคำ พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รักษาราชการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่าขณะนี้ อดีตเจ้าอาวาสลาสิกขาเรียบร้อยแล้ว เต็มใจจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน เบื้องต้นกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) อยู่ระหว่างตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้น คือวัดตรีทศเทพฯ มา และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดชูจิตฯ เป็นเส้นทางการเงินที่ตรวจพบมากที่สุดจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ที่ได้มาจากการทำกิจนิมนต์และจากการสอนหนังสือ เก็บสะสมเป็นเงินส่วนตัว ก่อนโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ยังไม่รวมอีก 3.8 แสนบาท ที่เป็นเงินจากบัญชีวัด โอนไปให้สีกากอล์ฟ มีทั้งโอนผ่านโทรศัพท์ และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกัน พบว่าโอนให้สีกากอล์ฟถึง 10 ล้านบาท ซึ่งจากการกระทำของอดีตเจ้าอาวาสฯ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดมาตรา 157

...




ส่วนสีกากอล์ฟเริ่มเข้าหาอดีตเจ้าอาวาสฯ โดยเดินทางมาพบด้วยตนเองที่วัด โดยอ้างตัวเป็นไฮโซ และแอบอ้างพระผู้ใหญ่ ทำให้อดีตเจ้าอาวาสฯ เชื่อใจและหลงเชื่อโดยยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” และ “เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่” ส่วนเงินที่สีกากอล์ฟยืมจากอดีตเจ้าอาวาสฯ อ้างว่าขอยืมไปทำธุรกิจเซรามิก โดยไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็ได้ทวงถามเรื่อยมาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง จนมีข่าวอดีตเจ้าคุณอาชว์ วัดตรีทศเทพ ตกเป็นข่าว จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก

ส่วนการทำธุรกรรมจากบัญชีวัด จากการตรวจสอบพบว่าวัดนี้ไม่มีไวยาวัจกร และคณะกรรมการวัด ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนเช่นเดียวกับวัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร

ส่วนความสัมพันธ์เชิงชู้สาว อดีตเจ้าอาวาสฯ และสีกากอล์ฟ ยืนยันตรงกันว่าไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว และไม่มีพยานหลักฐานที่เป็นรูปภาพและคลิปวิดีโอในลักษณะถูกแบล็กเมล์ ส่วนเรื่องเงินที่ยืมจากอดีตเจ้าอาวาสฯ กว่า 10 ล้านบาท สีกากอล์ฟไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจออกหมายจับอดีตเจ้าอาวาสฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งทุกอย่างจะต้องนำไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อน โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่โอนไปให้สีกากอล์ฟ หลังจากนี้พนักงานสอบสวนอาจพิจารณาเรียกตัวอดีตเจ้าอาวาสฯ และสีกากอล์ฟมาให้ปากคำเพิ่มเติม

ด้าน พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.2 บก.ปปป. ยืนยันว่ากรณีนี้มีความผิดชัดเจน เนื่องจากพบว่ามีเงินจากบัญชีวัดโอนให้สีกากอล์ฟ 3.8 แสนบาท หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบว่าเงินจำนวนดังกล่าว โอนจากบัญชีส่วนตัวไปบัญชีวัดและโอนต่อไปบัญชีสีกากอล์ฟหรือไม่ หรือโอนจากบัญชีวัดโดยตรง ซึ่งหากเป็นลักษณะดังกล่าวถือว่ามีความผิดชัดเจน ส่วนจะทยอยโอนหรือโอนครั้งเดียว หลังจากนี้จะไปตรวจสอบเพิ่มเติมเพราะถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ

และในระหว่างเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้านหน้า เจ้าหน้าที่ ปปป. ควบคุมตัวอดีตเจ้าอาวาสฯ ออกไปด้านหลังศาลาหอฉัน โดยสวมชุดสีขาวเดินขึ้นรถไปพร้อมเจ้าหน้าที่