ผมตั้งใจจะด่า “ไอ้บ้า” สักคน พอดีได้อ่าน ภาษาสรรวรรณศัพท์ (สถาพรบุ๊คส์ พิมพ์ พ.ศ.2566) ถึงศัพท์ที่ 40 นั่นมัน “คน” ละ “คน” ก็เลยถือเป็นโอกาส ใช้เป็นโจทย์ ลับสมอง ลองปัญญาค่อยๆอ่านไปด้วยกัน แล้วเดากันซิว่า “มุก” ตบท้าย อาจารย์ ปรัชญา ปานเกตุ กระทบกระเทียบใคร?“คนละ” หนึ่งหมายถึงคนหนึ่งๆ หรือแต่ละคน เช่น กินข้าวคนละคำ วรรณคดี คำฉันท์สรรเสริญพระเกียรติสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงปราสาททอง ใช้เป็น “ละคน” หมายถึง “แต่ละคน” ก็มี“คนละที” หรือ “คนละทีสองที” หมายถึงกระทำไม่พร้อมกัน “พายเรือคนละที” หมายถึงทำงานไม่ประสานกัน“คนละ” หนึ่งหมายถึงต่างหากจากกัน ไม่ใช่อย่างเดียวกัน เช่นผ้าคนละชนิด “คนละค่าย” หรือ “คนละขั้ว”หมายถึงมีการดำเนินชีวิตหรือความคิดเห็นไม่เป็นแนวเดียวกัน“คนละเรื่อง” หมายถึงต่างเรื่องกัน เรื่องหรือเหตุผลไม่เกี่ยวข้องกันเลย “คนละเรื่องเดียวกัน” หมายถึงเรื่องเดียวกันแต่มองต่างกันแตกหนีไปคนละทิศละทาง แตกหมู่เพ่นพ่านไป เรียก “กระเจิด กระเจิง” “กระเจอะกระเจิง” ก็ว่า ตัวอย่างจากบทละครนอกเรื่องสังข์ทอง “อ้ายหกเขยเซอะกระเจอะกระเจิง เที่ยวเซอะเซิงหาปลาก็ขัดสน”แตกหนีไปคนละทิศละทาง หนีไปอย่างไร้ทิศทาง เรียก “เตลิด” มักใช้เข้าคู่กับคำ “เปิดเปิง” เป็น “เตลิดเปิดเปิง” ตัวอย่างในพระอภัยมณี “คนถือพัดผัดให้ไล่ละเลิง แล่นเตลิดเปิดเปิงเข้าเชิงซุ้ม”แยกไปคนละทาง แยกและย้ายไปอยู่คนละแห่ง เรียก “แยกย้าย” แยกไปคนละทาง ไม่ลงรอยกัน เรียก “แยกแย้ง” ตัวอย่างจากเพลงยาวสามชาย “จะแบกบาปหาบหักจนหนักแรง แยกแย้งไม่เกรงผิดจนติดพัว...”อยู่ตรงกันแต่คนละฟาก เรียก “ตรงกันข้าม” หรือ “ตรงข้าม” โดยปริยายหมายถึงคนละฝ่ายคนละพวก เช่น ฝ่ายค้านอยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายรัฐบาลคนละคนกัน เรียก “ต่าง” เช่น พี่ต่างพ่อ น้องต่างแม่ มีความรู้สึกว่าเป็นคนละพวก เรียก “ถือเขาถือเรา” “ถือเราถือเขา” “แบ่งพรรคแบ่งพวก” ก็ว่าคนละพวก คนละฝ่าย ไม่เข้าพวกกัน ไม่เข้าชุดกัน เรียก “ผิดฝาผิดตัว”“คน” ในคำว่า “คนละ” ข้างต้นเป็นคำนาม หมายถึงมนุษย์ มี “ละ” เป็นคำประกอบให้รู้ว่าเป็นหน่วยหนึ่งๆ หรือส่วนหนึ่งๆ ในจำนวนรวม ซึ่งกำหนดเป็นรายๆไป คนละคำกับ “คน” ที่เป็นคำ “กริยา”หมายถึงเอามือหรือสิ่งอื่นกวนเพื่อทำสิ่งที่นอนก้นหรือที่เกาะกันอยู่ให้กระจายขยายตัวทั่วไปต่างเข้าใจตรงกันว่า เป็นคนละ “คน” กันดังนั้นเมื่อ “คน” ระดับอัครมหาเสนาบดีที่สมุหนายกประกาศตัวกับชาวสยามซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ สหปาลีรัฐอเมริกา เมื่อวันพฤหัสที่ 12 พฤษภาคม 2565 ว่า ทำไมเขาถึงเรียกคำว่ามนุษย์คือคนคือคนใส่ไปในหม้อ คนมั่วไปหมด คือเละไปหมดจึงสงเคราะห์เข้าได้กับสำนวน “ปัญญาแค่หางอึ่ง” หมายถึงโง่ และพฤติการณ์ดังว่า ก็คงเข้าตำรา “กบในกะลาครอบ” หมายถึงมีความรู้น้อย แต่สำคัญตนว่ามีความรู้มากชวนให้คิดว่า “คน” ชนิดพะนะท่านน่าจะเป็นคนละ “คน” กับความหมายแรกแต่เป็น “คน” ที่หมายถึงกวน ซึ่งพ้องเสียงกับ “กวน” ในความหมายว่ารบกวน เช่น กวนประสาท เพราะแต่ละทุรกรรมนั้นทำให้โมโหรำคาญใจได้ไม่สิ้นสุดจริงๆเป็นอันว่า ชั่วโมงภาษาไทยวันละคำ จบแค่นี้...ผมทบทวน พ.ศ.ที่อาจารย์ปรัชญาเขียน...พอนึกหน้าพะนะหัวเจ้าท่าน...มีเค้าทหาร ไม่ยักใช่ “ไอ้บ้า” ที่ผมเข้าใจเพราะไอ้บ้า คือคนใส่หม้อ คนมั่วจนเละไปหมดที่ผมว่าไม่ใช่ทหาร แต่มันเผด็จการแสบสาหัสกว่าทหาร ผมกำลังภาวนา ถ้าคำสอนอิทัปปัจจยตา สิ่งนี้เกิด สิ่งนี้ก็ต้องเกิด...ของพระพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์จริง ผมจะตั้งตารอ เมื่อไรผลกรรมป่วนโลกขึ้นภาษีตามอำเภอใจ...ที่มันทำ จะตามบ้านเมืองมันทัน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม