ผบช.ไซเบอร์ แถลงผลตรวจ ค้นเป้าหมาย 19 จุด เครือข่าย “ก๊กอาน”รวบผู้ต้องหา 17 ราย พบเส้นทางการเงินมีหลายคดี ที่เกี่ยวข้องกับ “ก๊กอาน” เผยช่วงปี 67-68 จับกุม 56 คนไทยที่เชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปตและมีเส้นเงินเชื่อมโยงตึก 18 ชั้น รวมทั้งอีกหลายคดีที่มีเส้นเงินเชื่อมโยงตึก 25 ชั้น กับตึก 17 ชั้นของ “ก๊กอาน” จนนำมาสู่การดำเนินคดี รอสำนวน เสร็จส่งพนักงานอัยการพิจารณา หากมีความเห็นสั่งฟ้อง จะยื่นเรื่องตามขั้นตอนให้อินเตอร์โพลออกหมายแดงต่อไป ด้าน ผอ.กองกฎหมาย ปปง. เผยผล ตรวจสอบทรัพย์สินและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ของก๊กอาน พบมีมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านบาทเชื่อมีทรัพย์สินอีกเพียบทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากตรวจสอบพบสามารถอายัดและนำขายทอดตลาดได้ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อตอนสายวันที่ 9 ก.ค.พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เผยถึงผลปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 19 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ และ จ.ชลบุรี เครือข่ายนายก๊กอาน เจ้าของ Crown Casino Resort ที่เปิดปฏิบัติการเมื่อเช้าวันที่ 8 ก.ค.จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 17 ราย เป็นชาวจีน 10 ราย ชาวเมียนมา 4 ราย ชาวกัมพูชา 2 ราย ไร้สัญชาติ 1 ราย ทั้งหมดถูกดำเนินคดีข้อหาที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ซึ่งช่วงเช้า พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.1 บก.สอท. ขอหมายค้นบ้านเป้าหมายเพิ่มอีกหนึ่งจุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนายก๊กอาน พบว่าบ้านถูกปิดเงียบ คาดว่าน่าจะทราบข่าวการไปตรวจค้นจึงชิงหลบหนีออกจากบ้าน แต่ตำรวจเตรียมประสานกับฝ่ายปกครองขอเข้าตรวจคนอีกครั้ง เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านและไม่มีนิติบุคคลที่จะประสานงานได้ผบช.สอท.กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน พบมีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับนายก๊กอาน เฉพาะปี 2567-2568 ที่ตนมารับตำแหน่ง ผบช.ไซเบอร์ ได้ติดตามคดีจับกุม 56 คนไทย ที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต มีเส้นเงินเชื่อมโยงกับตึก 18 ชั้น คดีภูริคาสิโน คดี น.ส.ชาล็อต ออสติน ที่มีเส้นเงินเชื่อมโยงตึก 25 ชั้น คดีแพทย์ถูกหลอก 30 ล้าน มีเส้นเงินเชื่อมโยงกับตึก 25 ชั้นและตึก 17 ชั้น หรือตึก HISO ทั้งหมดเป็นตึกของนายก๊กอาน นำมาสู่การดำเนินคดีกับนายก๊กอาน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าวพล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายก๊กอาน อยู่ที่ประเทศกัมพูชานั้น เบื้องต้นได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและมอบหมายให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เป็นหัวหน้าคณะ ทำรายงานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ (ตท.) เพื่อประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องจะมีการรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ส่วนความร่วมมือจากกัมพูชา ยอมรับว่าในคดีก่อนหน้านี้ที่ตำรวจไทยเคยประสานไปยังกัมพูชาปรากฏว่าไม่ได้รับความร่วมมือ แต่ครั้งนี้เชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของตำรวจกัมพูชาว่าจะให้ความร่วมมือกับตำรวจสากล ซึ่งช่วงบ่ายวันที่ 9 ก.ค.มีการประชุมสรุปผลปฏิบัติการ ทั้งเรื่องทรัพย์สินของกลางที่ตรวจยึดได้ ข้อมูลเบื้องต้นจากโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งจะเชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าร่วมประชุมด้วย ก่อนสรุปรายงานไปยัง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ต่อไปต่อมาเวลา 15.00 น. หลังเสร็จสิ้นการประชุม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปง. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศราวุธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย ปปง. พ.ต.ท.ประวิทย์ แช่มมั่นคง ผอ.ส่วนสืบสวนทางการเงิน 1 ปปง. พ.ต.ท.พร้อมพันธ์ ทัตติยกุล ผอ.ส่วนสืบสวนทางการเงิน 3 ปปง. ร่วมกันแถลงผลการประชุมเบื้องต้นทางคดีพล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับ ผอ.กองกฎหมาย ปปง.เนื่องจากพบว่านายก๊ก อาน มีความเชื่อมโยงกับคดีของ น.ส.ชาล็อต นางแบบชื่อดังและยังพบคดีอื่นๆอีก 3 คดี ที่มีความเชื่อมโยงกัน จึงเป็นหลักฐานให้นำมาสู่การออกหมายจับในไทยข้อหาเป็นผู้มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานประกอบในสำนวน หากเสร็จสิ้นแล้วจะส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา เมื่อพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาล จึงจะประสานกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นเรื่องให้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศหรืออินเตอร์โพล ออกหมายแดงต่อไปส่วนเส้นทางการเงินของนายก๊กอานในอดีต จะเชื่อมโยงไปถึงบุคคลในไทยหรือกัมพูชาหรือไม่ ประเด็นนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ เชื่อว่านายก๊กอานได้ถือครองทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ในไทยกับต่างประเทศอีกมาก หากเป็นประเทศที่อยู่ในความร่วมมือของอินเตอร์โพล มีแนวโน้มที่จะขอความร่วมมือการตรวจสอบอายัดทรัพย์สิน ส่วนจะมีคนไทยหรือใครที่รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ต้องขยายผลเพิ่มเติมด้านนายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย ปปง. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของนายก๊กอาน พบมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านบาทและยังเชื่อว่ามีทรัพย์สินอื่นๆที่ยังต้องสืบทรัพย์อีกจำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล ทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ ปปง.มีอำนาจในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินส่วนนี้มาขายทอดตลาดและคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหาย ส่วนกรณี น.ส.จุรี หรือเชอร์รี่ ที่มีข่าวว่าเป็นลูกสาวนายก๊กอานและมีข้อมูลว่าสวมสิทธิ์บัตรประชาชนคนไทย จากข้อมูลของตำรวจยังขัดแย้งกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบค้นข้อมูลว่าคนไทยที่ถูกสวมสิทธิ์ยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ หรือเป็นการปลอมแปลงเอกสารสิทธิขึ้นมาผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในเวลา 13.00 น.วันที่ 10 ก.ค. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ จะแถลงสรุปผลการตรวจค้น 20 จุด และรายละเอียดในคดี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่